พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Ando Midora14



 ภาพเบลอๆเบื้องหน้าทำให้เขาอดจะยกมุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มไม่ได้ เซเรสลากเก้าอี้มาที่หน้าเตียงไม้เก่าๆพร้อมกับถาดอาหารบางอย่าง ซาวีน่าถอนหายใจ นี่เขาหลับไปนานแค่ไหน? แผลบนไหล่หนาถูกจัดการเรียบร้อย นี่คงเป็นฝีมือของซีล สไน้ส์ ตาแก่นั่นดูแล้วคงไม่ใช่แค่คนธรรมดาแน่ เขาเพิ่งมาแน่ใจก็ยามนี้ฝีมือการปาอาวุธนั่นช่างราวกับพวกนักฆ่ามืออาชีพ แต่อย่างน้อยเขาติดหนี้หมอนั่นอยู่หนึ่งครั้ง ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง
“นายต้องกินก่อนนะซาวีน่า”เสียงเซเสดังขึ้นไม่ไกลนั่นเธอเลื่อนขวดน้ำดื่มมาจ่อที่ปากของเขาพลางออกแรงยกศีรษะเขาขึ้น เขาอดจะนิ่วหน้าไม่ได้ เซเรสมีนัยน์ตาที่ค่อนข้างดุ หากมองลึกลงไป เขาไม่เคยเห็นเธอในมุมอ่อนหวานเหมือนเด็กสาวๆทั่วไปสักครั้ง แก้มขาวซีดนั้นก็ปราศจากอารมณ์ใดๆ ปกติแล้วเซเรสแทบไม่เคยมีสีหน้าใดๆให้เขาเห็นนอกจากความเฉยเมยและยามที่เธอหิวกับอาการหัวเสียยามไม่สบอารมณ์

“เธอกินให้อิ่มเถอะเซเรส ฉันอยากนอน”

“เราไม่มีเวลานอนแล้วอีกสิบนาทีพวกเขาจะออกเดินทาง”

“พวกเขา?..”


เซเรสไม่ได้ตอบคำถามนี้เพราะร่างหนาสูงใหญ่ขอคนแปลกหน้าที่

ก้าวเข้ามาในห้องนี้ต่างหากล่ะ คนแปลกหน้าสามคน คนแรกนั้นน่า

จะเป็นคนที่เขาเจอตรงประตูนั่นตอนที่เข้ามาที่นี่ครั้งแรก รูปร่างอวบ

ท้วมวัยน่าจะมากกว่าสี่สิบหนวดเครารกรุงรังดวงตานั้นสีขุ่นมัว


ท่าทางเย็นชาไม่ต่างกัน อีกสองคนนั้นยืนหันหลังให้เตียงนอนที่

ซาวีน่านั้นทอดร่างนอนอยู่บนนั้น พวกเขายัดบางอย่างใส่เป้สีทึมทึบ

กับเป้ขนาดย่อมอีกสองใบ เสียงบางอย่างกระทบกันในนั้น ทำให้เขา

เลิกคิ้วเล็กน้อย


“ฉันเอเบิ้ล นั้น อาเชอร์ และ กอร์ดอน สองคนนี่จะเป็นคนพาเธอ

สองคนไปส่งที่นอกเมืองคาชมาร์”


คนเรียกตัวเองว่าเอเบิ้ลเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาและกระด้าง 

มีร่องรอยรำคาญในแววตาคู่นั้นยามที่ทอดสายตามองรอยกระสุน


บนผ้าพันแผลนั่นของชายหนุ่ม


“หมายความว่าไงลุง” คนถูกเรียกลุงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง
“พวกเธอมีตั๋วที่จะกลับนิวยอร์กได้แต่ต้องไปแบบพวกยิปซี เดินทางเร่ร่อนจนกว่าจะถึงที่หมาย ตอนนี้คาชมาร์กำลังวุ่นวายพวกมันกำลังส่งคนหาตัวเธอสองคนอยู่นะ”
ซาวีน่าทะลึ่งพรวดลุกนั่งด้วยความตกใจนิดๆ
“นี่ตาแก่นั่นจะปล่อยทิ้งเราสองคนงั้นสิ ทั้งที่ไม่ได้ให้อะไรฉันกับเซเรสเลยนะ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเดวิดชางถึงอยากฆ่าเราสองคนมากกว่าเก็บไว้ใช้งาน พวกเขาส่งลูเธอร์มาจัดการเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ มันต้องสำคัญมากพอที่เดวิดจะปล่อยลูกน้องฝีมือดีห่างตัวเองได้แบบนี้ และตอนนี้ผมกำจัด ลูเธอร์ไปแล้ว มันขาขาดสองท่อน ยังไงก็คงไม่รอดแน่”
สีหน้าของซาวีน่านั้นยังคงดูอ่อนเพลีย เขาหอบหายใจอยู่พักหนึ่งเมื่อพูดจบประโยคยืดยาวนั่นหยิบเสื้อที่วางไม่ไกลนั่นมาสวมทับอย่างลวกๆด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ปล่อยให้สามคนนั่นมองหน้ากันอยู่ชั่วขณะ
“ซีล สไน้ส์ล่ะ เขาไปไหน? เขาต้องตอบคำถามผม นักวิจัยที่เขาต้องหานั่นล่ะ พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับการที่เดวิดตามล่าเราสองคน”
“ซาวีน่า..ฉันว่าเราน่าจะกลับนิวยอร์ก..”
“เซเรส..เราไม่มีทางอยู่อย่างปกติได้ที่รัก เดวิดต้องการชีวิตเรานะ  และฉันไม่ชอบการหนีปัญหา ยังไงซะเดวิดก็ต้องหาเราเจอกองทัพแซมสันไม่ได้มีแค่นี้..เธอก็รู้ดี เราหนีไม่ได้!

เขาหันมาตอบเซเรสด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจนักกับการที่จู่ๆ

หญิงสาวก็เหมือนเกิดความกลัวอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นเซเรส

มีอาการแบบนี้มานานแล้วเท่าที่จำได้เธอมีอาการหวาดกลัวที่สุด

ก็ตอนที่เขาลากเธอออกมาจากกองไฟนั่นตอนที่เกิดอุบัติเหตุบาง

อย่างและทำให้พ่อแม่เธอเสียชีวิตในกองเพลิง แต่นั่นมันนานมาก

จนเขาแทบลืมไปแล้ว
“ใช่..มันอาจจะลำบากหน่อยกับการต่อสู้กับแซมสัน นายรู้นี่ 

แล้วนี่น้องสาวของนายยังเด็กเกินไปเธอควรจะได้เรียนหนังสือ

ในมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็หางานในร้านไก่ทอดทำมากกว่ามาเร่ร่อน

แบบไร้จุดหมายแบบนี้นะ ลูกสาวฉันอยู่ในวอชิงตัน อาจจะช่วยหา

งานให้เธอทำและที่เรียนหนังสือ...”ใ

ครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ คนแปลกหน้าอีกคนนัยน์ตาสีฟ้า

ผมสีทองหยิกยาวไม่เป็นทรงหน้าตาดุดันริมฝีปากหยักนั้นเหยียดเล็กน้อยยามทอดมองพวกเขา
“และนายก็โดนยิงมาด้วยไอ้หนู แผลอาจจะติดเชื้อได้ถ้าไม่ได้รับการดูแล”
อีกคนหนึ่งเอ่ยสมทบขึ้น ซาวีน่าสบถในลำคอ นี่พวกเขาเห็นนั่นไม่ใช่

เด็กๆที่เพิ่งครบรอบสิบแปดปีหรือไง? ซาวีน่าบ่นพึมพำในใจด้วยความ

รำคาญ ใช่ สภาพร่างกายและหน้าตาของชาวโดรมมักจะอ่อนวัยและ

เติบโตช้ากว่าสมองในหัวของพวกเขา เรื่องพวกนี้มนุษย์ชาวโลกไม่มี

ทางเข้าใจ เซเรสนั้นดูผิวเผินเธอเหมือนเด็กสาวที่เพิ่งย่างสิบห้าสิบหก

 และซาวีน่าเองก็เด็กหนุ่มที่ไม่เกินสิบแปดปี ร่างกายกำลังเจริญ

เติบโตและแข็งแรง แต่เขาไม่เสียเวลามานั่งอธิบายถึงความแตกต่าง

ของโครโมโซมระหว่างมนุษย์ชาวโลกกับมนุษย์ชาวโดรมแน่..มันน่า

รำคาญแค่ไหน
“ผมจะไปด้วย!”เขาตัดบทอย่างนั้นแทนการตอบโต้
“แต่นายยังเจ็บนะ และแผลนั่นกระสุนฝังลึกมากฉันใช้เวลา

ตั้งนานกว่าจะคว้านมันออกมาจากไหล่นายได้ไอ้หนูนายไม่ไหวแน่”


“ผมไหวน่าลุง นี่..ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ”


“อย่าดื้อน่าไอ้หนู นายไม่ควรมองข้ามความหวังดีของพวกฉัน 

ออกจากคาชมาร์ได้ไปที่ท่าเรือแล้วเดินทางตามแผนที่ของฉันไปถึง

นิวยอร์ก นิกเกิลจะพาพวกเธอเข้าไปเป็นประชาการของที่นั่น มัน

ปลอดภัยกว่าเยอะไม่รู้หรือไง”


เขากลอกตาขึ้นมองเพดานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเกร็งฝ่ามือเล็กน้อย 

เป้ใบหนึ่งที่กองอยู่นั่นลอยลิ่วใส่ฝ่ามือเขาอย่างง่ายดาย 

ซาวีน่าเลื่อนมันลงบนหลังของตัวเองก่อนจะยิ้มขำที่เห็นสามคนนั่น

มองหน้าเขาด้วยแววตาตื่นๆ


“ผมไม่ใช่เด็กมัธยมปลาย..”


คนแปลกหน้านั้นทำท่ากลืนน้ำลายเล็กน้อยส่งเสียงอืออาในลำคอ


“และ แผลผมหายดีแล้ว..อีกอย่างนะ เซเรสไม่ใช่น้องสาวผม

เขากระชากผ้าพันแผลออกอวดพื้นผิวราบเรียบที่เพิ่งสมานเข้าที่นั่น

ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย สามคนแปลกหน้าหรี่ตามองเขาราวกับเห็นสัตว์

ประหลาดที่มาจากนอกโลก เซเรสไหวไหล่ของเธอพลางยกพาสต้า

ที่ยังเหลืออยู่กัดกลืนมันลงท้องรอการตัดสินใจของคนแปลกหน้า


“โอเค...แต่บอกก่อนนะงานนี้ไม่มีค่าจ้าง”

คนชื่อเอเบิ้ลนั้นส่ายหน้าไปมาเขาพ่นลมผ่านจมูกด้วยความไม่เข้าใจนัก

“นายจะทำให้พวกเขากลัวเรา...”

เซเรสบ่นงึมงำอย่างไม่พอใจเมื่ออยู่กันสองคนในห้องนี้


“พวกเขาไม่มีทางเลือกท่าทางเรื่องการหายตัวของนักวิจัยนั่นจะเป็น

เรื่องใหญ่ ไม่งั้นทหารรับจ้างที่ปลดระวางแล้วไม่มีทางกลับมารวมตัว


กันง่ายๆแบบนี้แน่ ซีล สไน้ส์ต้องรู้แน่ว่าพวกเขาหาอะไรอยู่”


ซาวีน่าตอบพลางหันมามองหน้าเธอ พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ

รั้งร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวหนานั้นมากอดไว้เบาๆ


“ฉันไม่ได้อยากขัดใจเธอนะเซเรส แต่การที่เราจะกลับไปเป็น

นักศึกษาแบบเมื่อก่อนนั่นมันไม่ง่าย เดวิดหาเราได้ง่ายยิ่งกว่าหา

ซื้อขนมตามเซเว่นฯซะอีก”


“แต่เราไม่มีเงินนะซาวีน่า เราไม่มีค่าจ้าง และงานนี้ไม่มีค่าจ้าง

พวกเขาบอกเราแล้วนี่”

เซเรสบ่นอุบอิบ กับแผ่นอกแข็งๆของเขาท่าทีไม่พึงใจนักกับงานนี้


“เอาล่ะ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องกิน แน่ใจว่าฉันจะหาเงินระหว่างเดินทาง

ให้เธอได้กินอาหารดีๆได้บ้างแต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเธอลดปริมาณ

อาหารลงบ้าง”


กำปั้นเล็กๆทุบลงบนบ่าเขาจนสะดุ้งกับอาการปวดแปลบ

“โทษที..เจ็บมากไหมซาวีน่า”

“อือ มันแค่ยังไม่ค่อยเข้าทีดีนัก อีกสักพักก็คงดีเอง ตอนนี้หวังแค่ว่า

ไอ้พวกนั้นจะไม่มากวนใจเราอีกอย่างน้อยก็จนกว่าเราจะหาทาง

ออกจากเมืองนี้ได้”

ซาวีน่าผลักเธอไปที่มุมห้องพร้อมคำสั่ง


“เก็บสัมภาระของเธอซะ”


เขาเลื่อนตัวเองลงนั่งกับเตียงอีกครั้ง เกร็งลมปราณดูเพื่อสำรวจพลัง


ในร่างกาย นึกยินดีที่มันกลับคืนมาได้บ้างแล้ว อย่างน้อยยามนี้ถ้า


ต้องเจอกับพวกของเดวิดอีกครั้งเขาคงเอาตัวรอดได้







   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น