พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

Ando midora drom15

Midora5จุดเริ่มต้นสงคราม
เขามองคนแปลกหน้าหลายคนที่เดินนำอยู่นั่นด้วยแววตาที่ครุ่นคิด เอเบิ้ลเป็นอดีตทหารรับจ้าง ที่รูปร่างค่อนข้างสูงและแข็งแรงกว่าใคร ส่วนกอร์ดอน และอาเชอร์ รูปประพรรณสัณฐานของพวกเขานั้นเหมือนชาวรัสเซียมากกว่าพวกอเมริกัน แต่ยามที่แต่งกายแบบพื้นๆสวมเสื้อโค้ทตัวเก่าๆผมเผ้ายาวรุงรังหน้าตาก็กลมกลืนกับคนทั่วไปนั่น  ไม่มีใครจะเป็นจุดสนใจได้เลย ถ้ามองจากสายตาของซาวีน่า เขาคิดว่าพวกเขาอาจจะเป็นแค่ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำทั่วไป ทำงานในโรงงานหรือไม่ก็เหมืองแร่ในแถบนอกเขตคาชมาร์นั่น
“หมอนั่นเป็นอดีตซีไอเอ อาเชอร์ ไรส์ อายุสี่สิบห้า กอร์ดอน เกรสัน  เคยทำงานในโครงการผลิตขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ก่อนจะออกมาด้วยการสังหารหัวหน้าฝ่ายที่พยายามวางงานเขาด้วยการใส่ร้ายเรื่องเจรจาขายอาวุธพวกนั้นให้พวกที่ก่อกบฏในไซบีเรีย”
เขาฟังเสียงเซเรสบอกเล่าเสียงเอื่อยอ่อนท่าทีไม่เดือดร้อนใดๆกับการที่ต้องเดินทางร่วมไปกับคนแปลกหน้าพวกนี้ และเธอเป็นคนเดินรั้งท้ายกับซาวีน่าสองคน ซาวีน่าไม่ได้เอ่ยปากถามสักคำแต่หญิงสาวกลับเล่าทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้ นั่นเพราะในหัวของซาวีน่านั้นเต็มไปด้วยคำถามที่เซเรสได้ยินชัดเจน
“ทิม กอร์ดอนเคยทำงานในหน่วยงานข่าวกรองของนาวิกโยธิน แต่เกษียณงานเพราะการตายของภรรยาของซีล สไน้ส์ ส่วนเอเบิ้ล รอบสัน เขาเป็นอดีตสายลับที่สูญเสีย นีล รอยสตีล เพื่อนสนิทของซีล ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว..คิดว่าน่าจะเท่ากับอายุของซิลเวอร์ สไน้ส์..คนนี้ฉันไม่รู้จักหรอกนะ น่าจะเป็นลูกชายของซีล..คิดว่างั้น ซีลเคยคิดเรื่องของเขาในหัวบ่อยๆ..เขาเสียใจที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูกชายเพราะมัวแต่ตามค้นหาคำตอบเกี่ยวกับพวกนักวิจัยที่หายตัวไป และอีกอย่าง...”
เซเรสหุบปากลงโดยไม่รู้ตัวเธอเหลือบตามองไปยังด้านข้างแวบหนึ่ง ร่างสูงๆของซีล สไน้ส์เดินคู่กับเอเบิ้ล รอบสันสายตาคมวาววามสีฟ้าที่ทอแสงบางอย่างนั่นปรายมาที่เธอราวกับรู้ทันความคิดของเซเรส มันทำให้เธอหยุดชะงักลงเล็กน้อยพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เขาสั่งให้ฉันหุบปาก..”                      
“หือ?..นี่ตาลุงนั่นรู้ได้ยังไงว่าเธอมีพลังจิต..รู้ความคิดของคนอื่น”
“แหงล่ะ เป็นเพราะนายไงล่ะซาวีน่า นายทำให้เราไม่ปลอดภัย..นายทำให้เขารู้ว่าเราอาจเป็นสัตว์ประหลาดที่มาจากนอกโลก..หรือไม่ก็ภัยคุกคามของโลกนี้ ยังอีก..นี่นายยังไม่เข้าใจอะไรอีกล่ะซาวีน่า คนพวกนี้ฉลาดล้ำลึกกว่าคนปกติบนท้องถนนนั่น..นายก็เห็นแล้วนี่”เซเรสบ่นด้วยความหงุดหงิดกระนั้นก็ตามซาวีน่ากลับทำท่าไม่เข้าใจอยู่ดี
“ยังไงก็ตาม พวกเขาหยุดเดวิดไม่ได้แน่..ลูเธอร์อาจจะตายหรือไม่ก็ อาจจะถูกปลุกขึ้นมาอีกด้วยฝีมือของเดวิด ฉันกังวลอย่างเดียวเราจะหลุดจากพวก ลูเธอร์ได้อย่างไร ถ้า..”
“นายหมายถึง..ลูซิเฟอร์กับ..”
“แจ็คเกอร์ไม่ใช่คนที่ฉันหรือเธอหรือคนพวกนี้จะต่อกรได้ง่ายๆ เซเรส..และเราไม่ได้กลับห้องวิจัยของเดวิดมากี่ปีแล้ว?..ล่าสุดที่ฉันเจอลูเธอร์ มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้..และคิดดูสิว่าลูซิเฟอร์กับแจ็คเกอร์พวกมันจะก้าวไปไกลแค่ไหน?..สารในห้องวิจัยของลูแปง คงจะล้ำหน้าไปเยอะถึงได้ทำให้เดวิดกล้าหักหลังเราได้ง่ายๆเพียงเพราะต้องการตัวตาลุงนั่นเพียงคนเดียว"
เซเรสสั่นหน้าไปมา หญิงสาวหยิบแซนด์วิชมากัดกินแทนการตอบโต้ การเดินทางนั้นเริ่มช้าลงเมื่อพวกเขาต้องเข้าไปถึงกลางป่าลึก กระท่อมหลังเล็กที่แฝงตัวอยู่ในหมู่แมกไม้ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันมีสภาพคล้ายกับที่เก็บของมากกว่าเป็นบ้านหรือกระท่อมสำหรับพักแรมยามที่ออกล่าสัตว์มากกว่า และหิมะหนาที่ขาวโพลนนั่นทำให้เซเรสห่อไหล่เล็กๆของเธออย่างไม่รู้ตัว เอเบิ้ลสาวเท้าไปใกล้ เขาเลื่อนบางอย่างตรงด้านข้างก่อนจะได้ยินเสียงครืดคราดดังขึ้น หิมะในด้านบนหลังคานั้นร่วงกราวเปิดประตูออกกว้างทีเดียว
“รถ?..นี่พวกเขามีรถสำหรับเดินป่าด้วยงั้นเหรอ?.นี่ลุง..ตกลงแล้วลุงเป็นใครกันแน่ ทำงานให้หน่วยไหน?..”
ซาวีน่าก้าวยาวๆไปที่ซีล สไน้ส์ ก่อนจะกวาดสายตามองสภาพรถคันใหญ่ที่เอเบิ้ลและกอร์ดอนเพิ่งดึงผ้าคลุมของมันออกมาได้ ภายในโรงจอดรถแห่งนี้ทำให้เขาตื่นใจขึ้นมานิดๆเมื่อพบว่าทุกอย่างในห้องนี้ช่างเต็มไปด้วยอุปกรณ์หลากหลายสำหรับทำสงคราม อาร์เชอร์ ไรส์ ดึงกล่องเหล็กมาเปิดฝามันเพื่อเลือกอาวุธหลากหลายใส่กระเป๋าของเขา
“นายคงไม่ต้องใช้มันกระมังไอ้หนู?”
หมอนั่นหันมาถามเขาด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เอ่อ..ผมชอบออโตเมติกกระบอกเล็กๆมันเหมาะมือดีนะลุง”
“เอาสิ เลือกได้เลยไอ้หนู เอาที่นายชอบ และเธอล่ะ นังหนู”
“เอ่อ..ฉันไม่ชอบพวกอาวุธ..มันน่ากลัวจะตายไป”
“โอเค เอาที่สบายใจเลยรีบหน่อยล่ะเราต้องออกจากป่าเคียฟรุส นี่ก่อนมืด ขึ้นเหนือไปอีกหลายร้อยไมล์ จากคาชมาร์ไป เราต้องลงเรืออีกและที่นั่นมันคงไม่ง่ายนัก พวกมันอาจจะรอเราอยู่แล้วก็ได้”
“เราจะพยายามเลี่ยงในบริเวณหมู่บ้านใหญ่ๆ หรือแถบชุมชน”
คำพูดนี้เป็นของเอเบิ้ล เขากำลังเลือกขดเชือกไนล่อนเพื่อจัดการใส่มันลงไปในเป้ใบหนึ่งที่เตรียมมานัยน์ตาของเขาไม่ปรากฏรอยเคร่งเครียดใดๆสักนิดเดียวยามที่เอ่ยออกมาอย่างนั้น
“กอร์ดอน นายจัดการเรื่องวิทยุสื่อสารนั่นซะ อย่าให้มีปัญหาได้ล่ะ หลายชั่วโมงนะกับการเดินทาง”
อาร์เชอร์สั่งเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซีล สไน้ส์เลื่อนปืนของเขายัดลงซอกเอวก่อนจะหันมาที่ซาวีน่าอีกครั้ง
“นายมีอะไรจะบอกฉันบ้าง?ไอ้หนู?..”
“หือ ผมจะบอกอะไรลุงได้ล่ะ ลุงรู้อยู่แล้วนี่..”ซีล ส่งสายตาดุดันให้กับชายหนุ่มจนเขาเบะปากเล็กน้อย
“ขอบคุณที่ลุงช่วยชีวิตผมไว้ และยังให้อาหารเซเรสกินแบบไม่อั้นอีกด้วย” เซเรสถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ใช่หมานะซาวีน่าจะได้ให้อาหารฉัน” เขายักไหล่
“ผมไม่มีทางเลือกนี่นา ตอนนี้เดวิดต้องการสังหารผมกับเซเรส และผมอยากรู้ว่านักวิจัยพวกนั้นหายไปไหน และถ้าเป็นฝีมือเดวิดจริงๆล่ะก็ เรื่องคงจบไม่สวย รับรองได้เลย เดวิดไม่ใช่คนปกติ..”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“ก็เขามีกองทัพที่มีฝีมือมากมายและอาวุธชีวภาพแบบที่ลุงคงคาดไม่ถึง อาวุธแบบว่าไม่ได้เป็นเหมือนพวกปืน ระเบิดหรืออาวุธสงครามแบบที่ลุงใช้กันอยู่นี่”
“หึ..”
“ลูเธอร์คนที่ตามล่าผมกับเซเรสนั่นแค่น้ำจิ้ม..ตัวพ่อของเดวิดมีอีกเยอะเลยล่ะ ผมแน่ใจว่าเดวิดจะส่งพวกมันมาตามหาเราแน่นอน มันอยากได้ลุงคนเดียว..”
“หึ..ฉันมีอะไรให้มันล่ะไอ้หนู ฉันรู้จักมันแค่ผิวเผิน ผ่านสื่อเท่านั้น และที่ฉันต้องหาตัวนักวิจัยนั่นเพราะฉันแน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องกับพวกแซมสันโดยตรง แต่ฉันไม่รู้เท่านั้นว่าพวกมันต้องการอะไรจากฉัน..”
ซีล เอ่ยด้วยสีหน้ากระด้างจัดเขาตวัดสายตาใส่ไอ้หนุ่มรุ่นลูกด้วยแววตาติดจะรำคาญเล็กๆ ซาวีน่าไหวไหล่ของเขาพลางถอนหายใจ ดวงตาของชายหนุ่มนั้นเหม่อลอยชั่วขณะ
“เวรแล้ว..เราต้องรีบเดินทางแล้วซาวีน่า”
“หือ?..พวกมันหาเราเจอ..”เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันพร่ามัวไปสีหน้าปรากฏรอยยุ่งยากขึ้นมาทันที
“มีเวลาเท่าไหร่?..”
“ไม่น่าจะเกินชั่วโมง..ใช่ ..มันห่างจากนี่แค่..”
เซเรสพูดไม่ทันจบเมื่อเอเบิ้ลและอาร์เชอร์รวมทั้งกอร์ดอนนั้นจัดกันโยนเป้ของพวกเขาใส่กระบะหลังพลางเปิดประตูเข่าไปสตาร์ทเครื่องยนต์จนมันดังกระหึ่ม เซเรสถูกใครคนหนึ่งผลักไปนั่งเบาะหลังพร้อมกับซาวีน่าและอีกสองคนที่เหลือนั้นนั่งขนาบข้างซีล สไน้ส์เลื่อนตัวเองขึ้นประจำเบาะคู่คนขับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อเลื่อนออกจากโรงเก็บนั่น อย่างรวดเร็ว เอเบิ้ลไม่ลืมที่จะลงไปปิดมันจนสนิทดีหากแต่ไม่แน่ใจนักว่าจะปกปิดจากสายตาคนของเดวิดได้
“เซเรสสามารถรับรู้การมาของพวกมันระยะไกล..เธอมีเรด้าในสมอง..อย่างนั้นหรือ?”ซีล สไน้ส์เอ่ยขึ้นพลางเหลือบสายตามองไปที่ด้านหลังแวบหนึ่งเขาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพคนตัวโตสามคนบดเบียดร่างเล็กของเด็กสาวนั่น
“ทำไมนายไม่ให้เซเรสนั่งตักนายล่ะไอ้หนู”ซาวีน่าเหลือกตาของเขาไปมาก่อนจะยกร่างของเซเรสขึ้นมานั่งบนตักด้วยสภาพจำยอม ขณะที่เซเรสนั้นยิ้มออกมาได้
“ขอบคุณมากซีล..”





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น