พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันอังคารที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2559

Ando midora drom 16






ท่ามกลางความเงียบของป่าลึกของเคียฟรุส ป่าที่ขึ้นชื่อเรื่องมนต์ดำ รถยนต์สองคันพุ่งตามกันมาบนถนนที่ทอดยาวในแถบป่าสนลำสูงสองข้างทาง ถนนสายนี้ค่อนข้างคดเคี้ยวและลาดชันในบางช่วง คนแปลกหน้าห้าคนต่างเงียบกริบปราศจากการสนทนา พวกมันแต่งกายแบบมิดชิดด้วยเสื้อผ้าที่หนาและอบอุ่นเห็นแค่ดวงหน้าที่รกด้วยหนวดเครา
พุ่งพรวดเข้าไปยังจุดหมายในแค่ไม่กี่วินาทีพวกมันพากันกระจายตัวอย่างรวดเร็ว สายตาคู่เย็นชาคู่หนึ่งกวาดมองรอบๆบริเวณ ก่อนจะก้าวไปหยุดที่ด้านหน้าของกระท่อมหลังหนึ่ง ที่ดูโดยรวมแล้วมันแทบไม่ใช่แหล่งพำนักของใครได้
“มันเพิ่งไปได้ไม่นาน!!”หัวหน้าทีมเอ่ยเป็นเสียงคำรามออกมาเบาๆ โบกมือให้ลูกสมุนขึ้นรถอย่างรวดเร็ว พวกมันมองหาร่องรอยการจากไปของอีกฝ่ายนั่นได้ง่ายดาย หิมะเพิ่งโปรยปรายลงมาทับถมได้ไม่มากพอ ยังคงทิ้งรอยล้อรถยนต์ไว้ให้พวกมันติดตามได้ เสียงคำรามของคนแปลกหน้านั้นดังผ่านลำคอหนาด้วยความแค้นเคืองสุดๆ
“นายจะไปได้ซักแค่ไหนกัน ซาวีน่า..”นัยน์ตาของมันลุกโพลงเป็นสีแดงจ้าราวกับเปลวเพลิงทีเดียว
“คุณต้องใช้เซรุ่มด็อกเตอร์ลูแปง..เนื้อคุณกำลังเปื่อยยุ่ย..”
ใครคนหนึ่งเลื่อนหลอดบางอย่างมาตรงหน้า คนรับนั้นหันมาตวัดสายตาอันดุดันให้กับมันจนต้องเงียบเสียงลง ด็อกเตอร์ลูแปง กระแทกเข็มฉีดยาใส่กับลำคอตนเองปากอ้ากว้างส่งเสียงคำรามลั่นบริเวณภายในรถยนต์คันนี้ กระชากแขนเสื้อออกมามองท่อนแขนตนเองด้วยนัยน์ตาที่แทบจะทะลักจากเบ้าตา กระตุกยิ้มเย็นเยียบราวกับปีศาจเมื่อเห็นชัดเจนว่าผิวเนื้อที่เริ่มเปื่อยเป็นเศษเนื้อที่หลุดลอกออกจากผิวกายแทบจะเห็นกระดูกนั้นเริ่มมีปฏิกิริยากับร่างกาย ด็อกเตอร์ลูแปง แสยะยิ้มบนปากหนาของเขาก่อนจะครางเสียงแหบพร่า
"นายคิดว่าง่ายหรือไง ซาวีน่า กำจัด ลูเธอร์แล้วคิดว่าฉันจะสร้างมันใหม่ไม่ได้งั้นหรือ?..หึ ไอ้หนู..นายคิดผิดซะแล้ว เพราะฉันจะทำให้ ลูเธอร์แข็งแรงมากกว่าเดิมมากขึ้นเรื่องๆ..หึ..”
เพื่อนร่วมทางนั้นต่างเงียบกริบพวกมันได้แต่แสยะยิ้มตามไปด้วยดวงตาที่ไร้อารมณ์
เดิมที่นั้น ด็อกเตอร์ลูแปงคิดว่าจะหาตัวซาวีน่ากลับมาเพื่อการทดลองของเขาจะได้สมบูรณ์แบบมากขึ้น เขาทดลองสารที่ผลิตมานั้นกับกลุ่มมนุษย์หลายราย ส่วนใหญ่มักเป็นที่พอใจแก่เขา
 แต่..ซาวีน่า กับเซเรส เป็นข่อยกเว้น เขาเพิ่งรู้ความลับบางอย่างจากเดวิด ชาง แซมสัน สองพี่น้องคู่นี้ไม่ใช่มนุษย์บนโลกนี้ หรือไม่ก็อาจจะมาจากการทดลองที่ผิดพลาดของศาสตราจารย์เดวิดเองก็เป็นได้
ลูแปงได้เห็นตัวอย่างเลือดของพี่น้องคู่นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง มันทำให้เขาเชื่อสุดใจว่าซาวีน่ากับเซเรสผู้เป็นน้องสาวนั้นเป็นภัยคุกคามต่อองค์กร แซมสัน เขายอมออกจากห้องทดลองที่เขาหลงใหลนั่นเพื่อหาตัวสองคนนี้เพราะเชื่อมั่นว่าการจัดการกับสองคนนั่นจะง่ายดาย เพราะเขามี ลูเธอร์เป็นผู้ช่วยอยู่ทั้งคน
ไม่นึกเลยว่าซาวีน่าจะหันหน้าไปพึ่งพาศัตรูที่เขาต้องการตัวสุดๆ และดูเหมือนพวกมันจะเคมีเข้ากันได้ดีซะด้วย เขาตามหาพวกมันจนเจอ และโดนไฟนรกของซาวีน่าเล่นงานจนเสียโฉม เสียเวลากับการซ่อมแซมด้วยเซรุ่มแบบพิเศษนั่นไปหลายหลอด
 แต่..จนบัดนี้ผิวเนื้อก็ยังไม่ประสานกันได้ดีดังเก่า มันต้องใช้เวลามากกว่านี้กว่าจะปลูกถ่ายเซลล์เนื้อเยื่อของเขาเองให้กลับมาสมบูรณ์ได้ดังเดิมนั่น ด็อกเตอร์ ลูแปงไม่ได้มีเวลาสำหรับการจัดการเพื่อร่างกายของตนเอง มันอยากจะฉีกเนื้อของซาวีน่ากับเซเรสจนหลุดเป็นชิ้นๆมากกว่ายามนี้ ด้วยโทสะอันแรงกล้าที่โหมลุกฮือจนยากจะอดกลั้นไว้ได้ ยิ่งมันได้เห็นสภาพของลูเธอร์ ราล์ฟ ที่ถูกซาวีน่าทำลายจนแทบไม่มีชิ้นดีนั่น ความคับแค้นใจทำให้ ด็อกเตอร์ลูแปงไม่ยอมเสียเวลาอีกแม้แต่นาทีเดียว ส่งกำลังคนที่เหลือนั่นตามไล่ล่าพวกมันสองพี่น้อง ท่ามกลางการช่วยเหลือของทีมที่ดีที่สุดของเดวิด ชาง แซมสัน
องค์กรของเดวิดมีระบบการค้นหาที่ดีเยี่ยม ให้เขาตามก้นไอ้สองคนนั่นมาติดๆและแน่นอน ไม่มีทางที่พวกมันจะรอดเงื้อมมือเขาไปได้แน่ ไม่ได้ตัวมันมา ก็มีทางเดียว กำจัดพวกมันซะ!!














วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2559

Ando midora drom15

Midora5จุดเริ่มต้นสงคราม
เขามองคนแปลกหน้าหลายคนที่เดินนำอยู่นั่นด้วยแววตาที่ครุ่นคิด เอเบิ้ลเป็นอดีตทหารรับจ้าง ที่รูปร่างค่อนข้างสูงและแข็งแรงกว่าใคร ส่วนกอร์ดอน และอาเชอร์ รูปประพรรณสัณฐานของพวกเขานั้นเหมือนชาวรัสเซียมากกว่าพวกอเมริกัน แต่ยามที่แต่งกายแบบพื้นๆสวมเสื้อโค้ทตัวเก่าๆผมเผ้ายาวรุงรังหน้าตาก็กลมกลืนกับคนทั่วไปนั่น  ไม่มีใครจะเป็นจุดสนใจได้เลย ถ้ามองจากสายตาของซาวีน่า เขาคิดว่าพวกเขาอาจจะเป็นแค่ชาวบ้านที่หาเช้ากินค่ำทั่วไป ทำงานในโรงงานหรือไม่ก็เหมืองแร่ในแถบนอกเขตคาชมาร์นั่น
“หมอนั่นเป็นอดีตซีไอเอ อาเชอร์ ไรส์ อายุสี่สิบห้า กอร์ดอน เกรสัน  เคยทำงานในโครงการผลิตขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ ก่อนจะออกมาด้วยการสังหารหัวหน้าฝ่ายที่พยายามวางงานเขาด้วยการใส่ร้ายเรื่องเจรจาขายอาวุธพวกนั้นให้พวกที่ก่อกบฏในไซบีเรีย”
เขาฟังเสียงเซเรสบอกเล่าเสียงเอื่อยอ่อนท่าทีไม่เดือดร้อนใดๆกับการที่ต้องเดินทางร่วมไปกับคนแปลกหน้าพวกนี้ และเธอเป็นคนเดินรั้งท้ายกับซาวีน่าสองคน ซาวีน่าไม่ได้เอ่ยปากถามสักคำแต่หญิงสาวกลับเล่าทุกอย่างที่เขาอยากจะรู้ นั่นเพราะในหัวของซาวีน่านั้นเต็มไปด้วยคำถามที่เซเรสได้ยินชัดเจน
“ทิม กอร์ดอนเคยทำงานในหน่วยงานข่าวกรองของนาวิกโยธิน แต่เกษียณงานเพราะการตายของภรรยาของซีล สไน้ส์ ส่วนเอเบิ้ล รอบสัน เขาเป็นอดีตสายลับที่สูญเสีย นีล รอยสตีล เพื่อนสนิทของซีล ใช่ พวกเขาเป็นเพื่อนรักที่ไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว..คิดว่าน่าจะเท่ากับอายุของซิลเวอร์ สไน้ส์..คนนี้ฉันไม่รู้จักหรอกนะ น่าจะเป็นลูกชายของซีล..คิดว่างั้น ซีลเคยคิดเรื่องของเขาในหัวบ่อยๆ..เขาเสียใจที่ไม่ได้เลี้ยงดูลูกชายเพราะมัวแต่ตามค้นหาคำตอบเกี่ยวกับพวกนักวิจัยที่หายตัวไป และอีกอย่าง...”
เซเรสหุบปากลงโดยไม่รู้ตัวเธอเหลือบตามองไปยังด้านข้างแวบหนึ่ง ร่างสูงๆของซีล สไน้ส์เดินคู่กับเอเบิ้ล รอบสันสายตาคมวาววามสีฟ้าที่ทอแสงบางอย่างนั่นปรายมาที่เธอราวกับรู้ทันความคิดของเซเรส มันทำให้เธอหยุดชะงักลงเล็กน้อยพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เขาสั่งให้ฉันหุบปาก..”                      
“หือ?..นี่ตาลุงนั่นรู้ได้ยังไงว่าเธอมีพลังจิต..รู้ความคิดของคนอื่น”
“แหงล่ะ เป็นเพราะนายไงล่ะซาวีน่า นายทำให้เราไม่ปลอดภัย..นายทำให้เขารู้ว่าเราอาจเป็นสัตว์ประหลาดที่มาจากนอกโลก..หรือไม่ก็ภัยคุกคามของโลกนี้ ยังอีก..นี่นายยังไม่เข้าใจอะไรอีกล่ะซาวีน่า คนพวกนี้ฉลาดล้ำลึกกว่าคนปกติบนท้องถนนนั่น..นายก็เห็นแล้วนี่”เซเรสบ่นด้วยความหงุดหงิดกระนั้นก็ตามซาวีน่ากลับทำท่าไม่เข้าใจอยู่ดี
“ยังไงก็ตาม พวกเขาหยุดเดวิดไม่ได้แน่..ลูเธอร์อาจจะตายหรือไม่ก็ อาจจะถูกปลุกขึ้นมาอีกด้วยฝีมือของเดวิด ฉันกังวลอย่างเดียวเราจะหลุดจากพวก ลูเธอร์ได้อย่างไร ถ้า..”
“นายหมายถึง..ลูซิเฟอร์กับ..”
“แจ็คเกอร์ไม่ใช่คนที่ฉันหรือเธอหรือคนพวกนี้จะต่อกรได้ง่ายๆ เซเรส..และเราไม่ได้กลับห้องวิจัยของเดวิดมากี่ปีแล้ว?..ล่าสุดที่ฉันเจอลูเธอร์ มันไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนี้..และคิดดูสิว่าลูซิเฟอร์กับแจ็คเกอร์พวกมันจะก้าวไปไกลแค่ไหน?..สารในห้องวิจัยของลูแปง คงจะล้ำหน้าไปเยอะถึงได้ทำให้เดวิดกล้าหักหลังเราได้ง่ายๆเพียงเพราะต้องการตัวตาลุงนั่นเพียงคนเดียว"
เซเรสสั่นหน้าไปมา หญิงสาวหยิบแซนด์วิชมากัดกินแทนการตอบโต้ การเดินทางนั้นเริ่มช้าลงเมื่อพวกเขาต้องเข้าไปถึงกลางป่าลึก กระท่อมหลังเล็กที่แฝงตัวอยู่ในหมู่แมกไม้ปรากฏอยู่เบื้องหน้า มันมีสภาพคล้ายกับที่เก็บของมากกว่าเป็นบ้านหรือกระท่อมสำหรับพักแรมยามที่ออกล่าสัตว์มากกว่า และหิมะหนาที่ขาวโพลนนั่นทำให้เซเรสห่อไหล่เล็กๆของเธออย่างไม่รู้ตัว เอเบิ้ลสาวเท้าไปใกล้ เขาเลื่อนบางอย่างตรงด้านข้างก่อนจะได้ยินเสียงครืดคราดดังขึ้น หิมะในด้านบนหลังคานั้นร่วงกราวเปิดประตูออกกว้างทีเดียว
“รถ?..นี่พวกเขามีรถสำหรับเดินป่าด้วยงั้นเหรอ?.นี่ลุง..ตกลงแล้วลุงเป็นใครกันแน่ ทำงานให้หน่วยไหน?..”
ซาวีน่าก้าวยาวๆไปที่ซีล สไน้ส์ ก่อนจะกวาดสายตามองสภาพรถคันใหญ่ที่เอเบิ้ลและกอร์ดอนเพิ่งดึงผ้าคลุมของมันออกมาได้ ภายในโรงจอดรถแห่งนี้ทำให้เขาตื่นใจขึ้นมานิดๆเมื่อพบว่าทุกอย่างในห้องนี้ช่างเต็มไปด้วยอุปกรณ์หลากหลายสำหรับทำสงคราม อาร์เชอร์ ไรส์ ดึงกล่องเหล็กมาเปิดฝามันเพื่อเลือกอาวุธหลากหลายใส่กระเป๋าของเขา
“นายคงไม่ต้องใช้มันกระมังไอ้หนู?”
หมอนั่นหันมาถามเขาด้วยรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย
“เอ่อ..ผมชอบออโตเมติกกระบอกเล็กๆมันเหมาะมือดีนะลุง”
“เอาสิ เลือกได้เลยไอ้หนู เอาที่นายชอบ และเธอล่ะ นังหนู”
“เอ่อ..ฉันไม่ชอบพวกอาวุธ..มันน่ากลัวจะตายไป”
“โอเค เอาที่สบายใจเลยรีบหน่อยล่ะเราต้องออกจากป่าเคียฟรุส นี่ก่อนมืด ขึ้นเหนือไปอีกหลายร้อยไมล์ จากคาชมาร์ไป เราต้องลงเรืออีกและที่นั่นมันคงไม่ง่ายนัก พวกมันอาจจะรอเราอยู่แล้วก็ได้”
“เราจะพยายามเลี่ยงในบริเวณหมู่บ้านใหญ่ๆ หรือแถบชุมชน”
คำพูดนี้เป็นของเอเบิ้ล เขากำลังเลือกขดเชือกไนล่อนเพื่อจัดการใส่มันลงไปในเป้ใบหนึ่งที่เตรียมมานัยน์ตาของเขาไม่ปรากฏรอยเคร่งเครียดใดๆสักนิดเดียวยามที่เอ่ยออกมาอย่างนั้น
“กอร์ดอน นายจัดการเรื่องวิทยุสื่อสารนั่นซะ อย่าให้มีปัญหาได้ล่ะ หลายชั่วโมงนะกับการเดินทาง”
อาร์เชอร์สั่งเพื่อนของเขาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซีล สไน้ส์เลื่อนปืนของเขายัดลงซอกเอวก่อนจะหันมาที่ซาวีน่าอีกครั้ง
“นายมีอะไรจะบอกฉันบ้าง?ไอ้หนู?..”
“หือ ผมจะบอกอะไรลุงได้ล่ะ ลุงรู้อยู่แล้วนี่..”ซีล ส่งสายตาดุดันให้กับชายหนุ่มจนเขาเบะปากเล็กน้อย
“ขอบคุณที่ลุงช่วยชีวิตผมไว้ และยังให้อาหารเซเรสกินแบบไม่อั้นอีกด้วย” เซเรสถลึงตาใส่เขาด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ใช่หมานะซาวีน่าจะได้ให้อาหารฉัน” เขายักไหล่
“ผมไม่มีทางเลือกนี่นา ตอนนี้เดวิดต้องการสังหารผมกับเซเรส และผมอยากรู้ว่านักวิจัยพวกนั้นหายไปไหน และถ้าเป็นฝีมือเดวิดจริงๆล่ะก็ เรื่องคงจบไม่สวย รับรองได้เลย เดวิดไม่ใช่คนปกติ..”
“นายหมายความว่ายังไง?”
“ก็เขามีกองทัพที่มีฝีมือมากมายและอาวุธชีวภาพแบบที่ลุงคงคาดไม่ถึง อาวุธแบบว่าไม่ได้เป็นเหมือนพวกปืน ระเบิดหรืออาวุธสงครามแบบที่ลุงใช้กันอยู่นี่”
“หึ..”
“ลูเธอร์คนที่ตามล่าผมกับเซเรสนั่นแค่น้ำจิ้ม..ตัวพ่อของเดวิดมีอีกเยอะเลยล่ะ ผมแน่ใจว่าเดวิดจะส่งพวกมันมาตามหาเราแน่นอน มันอยากได้ลุงคนเดียว..”
“หึ..ฉันมีอะไรให้มันล่ะไอ้หนู ฉันรู้จักมันแค่ผิวเผิน ผ่านสื่อเท่านั้น และที่ฉันต้องหาตัวนักวิจัยนั่นเพราะฉันแน่ใจว่ามันเกี่ยวข้องกับพวกแซมสันโดยตรง แต่ฉันไม่รู้เท่านั้นว่าพวกมันต้องการอะไรจากฉัน..”
ซีล เอ่ยด้วยสีหน้ากระด้างจัดเขาตวัดสายตาใส่ไอ้หนุ่มรุ่นลูกด้วยแววตาติดจะรำคาญเล็กๆ ซาวีน่าไหวไหล่ของเขาพลางถอนหายใจ ดวงตาของชายหนุ่มนั้นเหม่อลอยชั่วขณะ
“เวรแล้ว..เราต้องรีบเดินทางแล้วซาวีน่า”
“หือ?..พวกมันหาเราเจอ..”เขาเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันพร่ามัวไปสีหน้าปรากฏรอยยุ่งยากขึ้นมาทันที
“มีเวลาเท่าไหร่?..”
“ไม่น่าจะเกินชั่วโมง..ใช่ ..มันห่างจากนี่แค่..”
เซเรสพูดไม่ทันจบเมื่อเอเบิ้ลและอาร์เชอร์รวมทั้งกอร์ดอนนั้นจัดกันโยนเป้ของพวกเขาใส่กระบะหลังพลางเปิดประตูเข่าไปสตาร์ทเครื่องยนต์จนมันดังกระหึ่ม เซเรสถูกใครคนหนึ่งผลักไปนั่งเบาะหลังพร้อมกับซาวีน่าและอีกสองคนที่เหลือนั้นนั่งขนาบข้างซีล สไน้ส์เลื่อนตัวเองขึ้นประจำเบาะคู่คนขับรถยนต์ที่ขับเคลื่อนสี่ล้อเลื่อนออกจากโรงเก็บนั่น อย่างรวดเร็ว เอเบิ้ลไม่ลืมที่จะลงไปปิดมันจนสนิทดีหากแต่ไม่แน่ใจนักว่าจะปกปิดจากสายตาคนของเดวิดได้
“เซเรสสามารถรับรู้การมาของพวกมันระยะไกล..เธอมีเรด้าในสมอง..อย่างนั้นหรือ?”ซีล สไน้ส์เอ่ยขึ้นพลางเหลือบสายตามองไปที่ด้านหลังแวบหนึ่งเขาส่ายหน้าไปมาเล็กน้อยเมื่อเห็นสภาพคนตัวโตสามคนบดเบียดร่างเล็กของเด็กสาวนั่น
“ทำไมนายไม่ให้เซเรสนั่งตักนายล่ะไอ้หนู”ซาวีน่าเหลือกตาของเขาไปมาก่อนจะยกร่างของเซเรสขึ้นมานั่งบนตักด้วยสภาพจำยอม ขณะที่เซเรสนั้นยิ้มออกมาได้
“ขอบคุณมากซีล..”





วันศุกร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2559

Ando Midora14



 ภาพเบลอๆเบื้องหน้าทำให้เขาอดจะยกมุมปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มไม่ได้ เซเรสลากเก้าอี้มาที่หน้าเตียงไม้เก่าๆพร้อมกับถาดอาหารบางอย่าง ซาวีน่าถอนหายใจ นี่เขาหลับไปนานแค่ไหน? แผลบนไหล่หนาถูกจัดการเรียบร้อย นี่คงเป็นฝีมือของซีล สไน้ส์ ตาแก่นั่นดูแล้วคงไม่ใช่แค่คนธรรมดาแน่ เขาเพิ่งมาแน่ใจก็ยามนี้ฝีมือการปาอาวุธนั่นช่างราวกับพวกนักฆ่ามืออาชีพ แต่อย่างน้อยเขาติดหนี้หมอนั่นอยู่หนึ่งครั้ง ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้ง
“นายต้องกินก่อนนะซาวีน่า”เสียงเซเสดังขึ้นไม่ไกลนั่นเธอเลื่อนขวดน้ำดื่มมาจ่อที่ปากของเขาพลางออกแรงยกศีรษะเขาขึ้น เขาอดจะนิ่วหน้าไม่ได้ เซเรสมีนัยน์ตาที่ค่อนข้างดุ หากมองลึกลงไป เขาไม่เคยเห็นเธอในมุมอ่อนหวานเหมือนเด็กสาวๆทั่วไปสักครั้ง แก้มขาวซีดนั้นก็ปราศจากอารมณ์ใดๆ ปกติแล้วเซเรสแทบไม่เคยมีสีหน้าใดๆให้เขาเห็นนอกจากความเฉยเมยและยามที่เธอหิวกับอาการหัวเสียยามไม่สบอารมณ์

“เธอกินให้อิ่มเถอะเซเรส ฉันอยากนอน”

“เราไม่มีเวลานอนแล้วอีกสิบนาทีพวกเขาจะออกเดินทาง”

“พวกเขา?..”


เซเรสไม่ได้ตอบคำถามนี้เพราะร่างหนาสูงใหญ่ขอคนแปลกหน้าที่

ก้าวเข้ามาในห้องนี้ต่างหากล่ะ คนแปลกหน้าสามคน คนแรกนั้นน่า

จะเป็นคนที่เขาเจอตรงประตูนั่นตอนที่เข้ามาที่นี่ครั้งแรก รูปร่างอวบ

ท้วมวัยน่าจะมากกว่าสี่สิบหนวดเครารกรุงรังดวงตานั้นสีขุ่นมัว


ท่าทางเย็นชาไม่ต่างกัน อีกสองคนนั้นยืนหันหลังให้เตียงนอนที่

ซาวีน่านั้นทอดร่างนอนอยู่บนนั้น พวกเขายัดบางอย่างใส่เป้สีทึมทึบ

กับเป้ขนาดย่อมอีกสองใบ เสียงบางอย่างกระทบกันในนั้น ทำให้เขา

เลิกคิ้วเล็กน้อย


“ฉันเอเบิ้ล นั้น อาเชอร์ และ กอร์ดอน สองคนนี่จะเป็นคนพาเธอ

สองคนไปส่งที่นอกเมืองคาชมาร์”


คนเรียกตัวเองว่าเอเบิ้ลเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชาและกระด้าง 

มีร่องรอยรำคาญในแววตาคู่นั้นยามที่ทอดสายตามองรอยกระสุน


บนผ้าพันแผลนั่นของชายหนุ่ม


“หมายความว่าไงลุง” คนถูกเรียกลุงถลึงตาใส่เขาแวบหนึ่ง
“พวกเธอมีตั๋วที่จะกลับนิวยอร์กได้แต่ต้องไปแบบพวกยิปซี เดินทางเร่ร่อนจนกว่าจะถึงที่หมาย ตอนนี้คาชมาร์กำลังวุ่นวายพวกมันกำลังส่งคนหาตัวเธอสองคนอยู่นะ”
ซาวีน่าทะลึ่งพรวดลุกนั่งด้วยความตกใจนิดๆ
“นี่ตาแก่นั่นจะปล่อยทิ้งเราสองคนงั้นสิ ทั้งที่ไม่ได้ให้อะไรฉันกับเซเรสเลยนะ เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมเดวิดชางถึงอยากฆ่าเราสองคนมากกว่าเก็บไว้ใช้งาน พวกเขาส่งลูเธอร์มาจัดการเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ มันต้องสำคัญมากพอที่เดวิดจะปล่อยลูกน้องฝีมือดีห่างตัวเองได้แบบนี้ และตอนนี้ผมกำจัด ลูเธอร์ไปแล้ว มันขาขาดสองท่อน ยังไงก็คงไม่รอดแน่”
สีหน้าของซาวีน่านั้นยังคงดูอ่อนเพลีย เขาหอบหายใจอยู่พักหนึ่งเมื่อพูดจบประโยคยืดยาวนั่นหยิบเสื้อที่วางไม่ไกลนั่นมาสวมทับอย่างลวกๆด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ปล่อยให้สามคนนั่นมองหน้ากันอยู่ชั่วขณะ
“ซีล สไน้ส์ล่ะ เขาไปไหน? เขาต้องตอบคำถามผม นักวิจัยที่เขาต้องหานั่นล่ะ พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับการที่เดวิดตามล่าเราสองคน”
“ซาวีน่า..ฉันว่าเราน่าจะกลับนิวยอร์ก..”
“เซเรส..เราไม่มีทางอยู่อย่างปกติได้ที่รัก เดวิดต้องการชีวิตเรานะ  และฉันไม่ชอบการหนีปัญหา ยังไงซะเดวิดก็ต้องหาเราเจอกองทัพแซมสันไม่ได้มีแค่นี้..เธอก็รู้ดี เราหนีไม่ได้!

เขาหันมาตอบเซเรสด้วยสีหน้าไม่พึงพอใจนักกับการที่จู่ๆ

หญิงสาวก็เหมือนเกิดความกลัวอีกครั้ง เขาไม่เคยเห็นเซเรส

มีอาการแบบนี้มานานแล้วเท่าที่จำได้เธอมีอาการหวาดกลัวที่สุด

ก็ตอนที่เขาลากเธอออกมาจากกองไฟนั่นตอนที่เกิดอุบัติเหตุบาง

อย่างและทำให้พ่อแม่เธอเสียชีวิตในกองเพลิง แต่นั่นมันนานมาก

จนเขาแทบลืมไปแล้ว
“ใช่..มันอาจจะลำบากหน่อยกับการต่อสู้กับแซมสัน นายรู้นี่ 

แล้วนี่น้องสาวของนายยังเด็กเกินไปเธอควรจะได้เรียนหนังสือ

ในมหาวิทยาลัยหรือไม่ก็หางานในร้านไก่ทอดทำมากกว่ามาเร่ร่อน

แบบไร้จุดหมายแบบนี้นะ ลูกสาวฉันอยู่ในวอชิงตัน อาจจะช่วยหา

งานให้เธอทำและที่เรียนหนังสือ...”ใ

ครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีรำคาญ คนแปลกหน้าอีกคนนัยน์ตาสีฟ้า

ผมสีทองหยิกยาวไม่เป็นทรงหน้าตาดุดันริมฝีปากหยักนั้นเหยียดเล็กน้อยยามทอดมองพวกเขา
“และนายก็โดนยิงมาด้วยไอ้หนู แผลอาจจะติดเชื้อได้ถ้าไม่ได้รับการดูแล”
อีกคนหนึ่งเอ่ยสมทบขึ้น ซาวีน่าสบถในลำคอ นี่พวกเขาเห็นนั่นไม่ใช่

เด็กๆที่เพิ่งครบรอบสิบแปดปีหรือไง? ซาวีน่าบ่นพึมพำในใจด้วยความ

รำคาญ ใช่ สภาพร่างกายและหน้าตาของชาวโดรมมักจะอ่อนวัยและ

เติบโตช้ากว่าสมองในหัวของพวกเขา เรื่องพวกนี้มนุษย์ชาวโลกไม่มี

ทางเข้าใจ เซเรสนั้นดูผิวเผินเธอเหมือนเด็กสาวที่เพิ่งย่างสิบห้าสิบหก

 และซาวีน่าเองก็เด็กหนุ่มที่ไม่เกินสิบแปดปี ร่างกายกำลังเจริญ

เติบโตและแข็งแรง แต่เขาไม่เสียเวลามานั่งอธิบายถึงความแตกต่าง

ของโครโมโซมระหว่างมนุษย์ชาวโลกกับมนุษย์ชาวโดรมแน่..มันน่า

รำคาญแค่ไหน
“ผมจะไปด้วย!”เขาตัดบทอย่างนั้นแทนการตอบโต้
“แต่นายยังเจ็บนะ และแผลนั่นกระสุนฝังลึกมากฉันใช้เวลา

ตั้งนานกว่าจะคว้านมันออกมาจากไหล่นายได้ไอ้หนูนายไม่ไหวแน่”


“ผมไหวน่าลุง นี่..ผมไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้นหรอกนะ”


“อย่าดื้อน่าไอ้หนู นายไม่ควรมองข้ามความหวังดีของพวกฉัน 

ออกจากคาชมาร์ได้ไปที่ท่าเรือแล้วเดินทางตามแผนที่ของฉันไปถึง

นิวยอร์ก นิกเกิลจะพาพวกเธอเข้าไปเป็นประชาการของที่นั่น มัน

ปลอดภัยกว่าเยอะไม่รู้หรือไง”


เขากลอกตาขึ้นมองเพดานอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเกร็งฝ่ามือเล็กน้อย 

เป้ใบหนึ่งที่กองอยู่นั่นลอยลิ่วใส่ฝ่ามือเขาอย่างง่ายดาย 

ซาวีน่าเลื่อนมันลงบนหลังของตัวเองก่อนจะยิ้มขำที่เห็นสามคนนั่น

มองหน้าเขาด้วยแววตาตื่นๆ


“ผมไม่ใช่เด็กมัธยมปลาย..”


คนแปลกหน้านั้นทำท่ากลืนน้ำลายเล็กน้อยส่งเสียงอืออาในลำคอ


“และ แผลผมหายดีแล้ว..อีกอย่างนะ เซเรสไม่ใช่น้องสาวผม

เขากระชากผ้าพันแผลออกอวดพื้นผิวราบเรียบที่เพิ่งสมานเข้าที่นั่น

ด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย สามคนแปลกหน้าหรี่ตามองเขาราวกับเห็นสัตว์

ประหลาดที่มาจากนอกโลก เซเรสไหวไหล่ของเธอพลางยกพาสต้า

ที่ยังเหลืออยู่กัดกลืนมันลงท้องรอการตัดสินใจของคนแปลกหน้า


“โอเค...แต่บอกก่อนนะงานนี้ไม่มีค่าจ้าง”

คนชื่อเอเบิ้ลนั้นส่ายหน้าไปมาเขาพ่นลมผ่านจมูกด้วยความไม่เข้าใจนัก

“นายจะทำให้พวกเขากลัวเรา...”

เซเรสบ่นงึมงำอย่างไม่พอใจเมื่ออยู่กันสองคนในห้องนี้


“พวกเขาไม่มีทางเลือกท่าทางเรื่องการหายตัวของนักวิจัยนั่นจะเป็น

เรื่องใหญ่ ไม่งั้นทหารรับจ้างที่ปลดระวางแล้วไม่มีทางกลับมารวมตัว


กันง่ายๆแบบนี้แน่ ซีล สไน้ส์ต้องรู้แน่ว่าพวกเขาหาอะไรอยู่”


ซาวีน่าตอบพลางหันมามองหน้าเธอ พลางถอนหายใจออกมาหนักๆ

รั้งร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวหนานั้นมากอดไว้เบาๆ


“ฉันไม่ได้อยากขัดใจเธอนะเซเรส แต่การที่เราจะกลับไปเป็น

นักศึกษาแบบเมื่อก่อนนั่นมันไม่ง่าย เดวิดหาเราได้ง่ายยิ่งกว่าหา

ซื้อขนมตามเซเว่นฯซะอีก”


“แต่เราไม่มีเงินนะซาวีน่า เราไม่มีค่าจ้าง และงานนี้ไม่มีค่าจ้าง

พวกเขาบอกเราแล้วนี่”

เซเรสบ่นอุบอิบ กับแผ่นอกแข็งๆของเขาท่าทีไม่พึงใจนักกับงานนี้


“เอาล่ะ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องกิน แน่ใจว่าฉันจะหาเงินระหว่างเดินทาง

ให้เธอได้กินอาหารดีๆได้บ้างแต่จะดีกว่าไหม? ถ้าเธอลดปริมาณ

อาหารลงบ้าง”


กำปั้นเล็กๆทุบลงบนบ่าเขาจนสะดุ้งกับอาการปวดแปลบ

“โทษที..เจ็บมากไหมซาวีน่า”

“อือ มันแค่ยังไม่ค่อยเข้าทีดีนัก อีกสักพักก็คงดีเอง ตอนนี้หวังแค่ว่า

ไอ้พวกนั้นจะไม่มากวนใจเราอีกอย่างน้อยก็จนกว่าเราจะหาทาง

ออกจากเมืองนี้ได้”

ซาวีน่าผลักเธอไปที่มุมห้องพร้อมคำสั่ง


“เก็บสัมภาระของเธอซะ”


เขาเลื่อนตัวเองลงนั่งกับเตียงอีกครั้ง เกร็งลมปราณดูเพื่อสำรวจพลัง


ในร่างกาย นึกยินดีที่มันกลับคืนมาได้บ้างแล้ว อย่างน้อยยามนี้ถ้า


ต้องเจอกับพวกของเดวิดอีกครั้งเขาคงเอาตัวรอดได้







   

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Ando Midora



“หึ..งั้นหรือ? ลูเธอร์ นายคงไม่ลืมว่าเดวิดต้องการฉันมากแค่ไหน?..


เขาไม่สนขยะอย่างนายหรอกนะ นายก็แค่ทาสรับใช้..”


พูดได้ไม่ทันจบประโยคดีนัก ลูกตุ้มเหล็กพุ่งพรวดมาที่เขาด้วยความ

รุนแรงเต็มพิกัด ซาวีน่ากระโดดหลบจนลำตัวลอยร่างใหญ่กระแทก

กับพื้นด้วยความทุลักทุเลแต่เขาแทบไม่มีเวลาหายใจทันเมื่อเจ้าลูก

เหล็กหนามทั้งก้อนนั้นถูกแรงเหวี่ยงตรงมาที่เขาอีกครั้งร่างของซาวีน่า

พลิกหลบมันได้อย่างเฉียดฉิว เจ้าหนามเหล็กนั้นเฉียวผิวหนังตรงท่อน


แขนเขาจนเสื้อที่สวมอยู่นั่นขาดกระจุย เขาสบถอยู่ในใจหลายครั้ง


พลิกกายขึ้นมายืนได้ในวินาทีถัดมา

“ฮ่ะๆ ซาวีน่า นายเหมือนหนูที่กำลัง

โดนต้อนเข้ากรงขัง วิ่งต่อไปไอ้หนู วิ่งจนกว่านายจะตาย”

เสียงหัวเราะด้วยความสะใจของมันทำให้เขายิ่งหงุดหงิดมากขึ้น

 ลูเธอร์ มันต้องการสังหารเขาจริงๆสินะ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ 

เดวิดคิดสังหารเขากับเซเรส ก่อนนี้ยังเป็นความคลุมเครือที่ต้องหา

คำตอบ แต่ยามนี้ซาวีน่าคิดว่าไม่ต้องแล้ว เขาคงต้องเลือกระหว่าง


ชีวิตตัวเองกับลูเธอร์ ใครสมควรจะอยู่บนโลกนี้มากกว่ากัน
พลั่ก! ลูกตุ้มเหล็กพุ่งมาที่เขาอีกครั้งแต่มันพลาดกระแทกลงกับพื้นจนมันแตกกระจาย เป็นหลุมขนาดย่อม แรงมันยังไม่หยุดแค่นั้นเมื่อ ลูเธอร์กระชากมันกลับมาและสะบัดด้วยความรวดเร็วคราวนี้มันพุ่งมาใส่ซาวีน่าด้วยความเร็วมากขึ้นสองเท่า ร่างหนาของชายหนุ่มนั้นเอนหลบไปยังด้านหลังในท่าสะพานโค้ง ปล่อยให้เจ้าลูกเหล็กหนามนั้น พุ่ง วืดผ่านช่องหน้าท้องของเขาไปเสียงดังหวีดหวิวเมื่อมันแหวกอากาศที่เหน็บหนาวเช่นนี้  ซาวีน่าตีหลังกากลับมายืนบนพื้นในนาทีต่อมาท่ามกลางสายตาแดงก่ำเปี่ยมไปด้วยโทสะของคู่ต่อสู้
“นายไม่รอดแน่!!...”
มันคำรามเสียงลั่นทีเดียวลูกตุ้มเหล็กถูกเหวี่ยงทิ้ง เสียงเหล็กกระทบ

กันดังสะท้อนเกรียวกราวในโสตประสาทของเขา มองเห็นสองมือของ

ลูเธอร์ กระชากปืนออกจากซอกเอวทั้งสองข้าง ซาวีน่านัยน์ตาลุกวาว

 เขาแน่ใจว่า ลูเธอร์กำลังตกอยู่ในห้วงโทสะที่รุนแรง เดิมที ซาวีน่า

คิดว่าจะหาวิธีออกจากการต่อสู้นี้อย่างไรดีนี่สิ แต่ยามนี้เขาเลี่ยง

ไม่ได้แน่แล้ว การหนีมันไม่ได้แก้ปัญหาอะไรเลย ลูเธอร์กำลังจะกลาย

ร่างเป็นปีศาจตาไฟอีกครั้งสองตาของมันนั้นแดงก่ำจนเหมือนมี

เปลวไฟสุมอยู่ในนั้น นั่นทำให้ชายหนุ่มต้องเร่งการลงมือ
ตูม!!!ฝ่ามือของซาวีน่าเพิ่มประจุไฟฟ้ามากขึ้นกว่าเดิมระหว่างที่ปืนในมือทั้งสองข้างของลูเธอร์กำลังจะกราดใส่เขานั่น ชายหนุ่มอาศัยจังหวะนี้ซัดใส่ ลูเธอร์เป้าหมายอยู่ที่สองขาของมัน ซาวีน่า หายใจแรง ลานดินกว้างที่เกลื่อนไปด้วยหิมะนั้นแตกกระจายเป็นหลุมลึกตีวงกว้างรัศมีเกือบสองเมตร เป้ากระสุนเปลี่ยนเป็นแฉลบลงยังพื้นดิน มันเฉียดร่างของเขาไปหลายนัดทีเดียว ได้ยินเสียงร้องโหยหวนดังลั่นบริเวณ
อ๊ากกกกกกกกกก!!!!!                                                                                           
ลูเธอร์ ราล์ฟ ขาขาดสองท่อน มันกระเด็นแยกห่างออกจากกันและเหวี่ยงทิ้งไปไกลหน้าตามันบิดเบี้ยวไม่เป็นรูปทรงดวงตานั้นแดงก่ำราวกับแสงไฟ เลือดสีแดงสาดกระเซ็นไหลพล่านราวกับน้ำพุ มันพุ่งกระฉูดออกจากท่อนส่วนของโคนขาทั้งสองข้าง เขาไม่อาจจะรอดูผลงานต่อได้อีกเมื่อร่างหนาที่ลดระดับความสูงลงนั้นพยายามเหยียดกายขึ้นมามองตาเขาด้วยความเคียดแค้น มันเล็งปืนมาที่เขาอีกด้วย! . shit!! ซาวีน่าสบถด้วยความ โมโห พลังไมดอร่าของเขาแทบจะหมดร่างอยู่แล้วแต่ยังหยุด ลูเธอร์ไม่ได้
เสียงปืนดังสนั่นแก้วหูจนต้องพุ่งตัวระนาบกับพื้นก่อนจะพลิกกาย

กลิ้งไปตามพื้นเฉอะแฉะนั่น เขากวาดสายตามองรอบๆบริเวณ 

เสียงปืนคงเรียกคนของลูเธอร์ให้พุ่งมาที่นี่ แน่นอน เขาช้าอีกไม่ได้

แล้ว แต่พลังงานของเขานี่สิ มันเหือดหายไปจนต้องทิ้งตัวลงพื้น

หอบหายใจอยู่ได้แค่ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ก้าวมาที่เขาทำให้ซาวีน่าหันขวับไป
“ตามฉันมา!” ตาลุงนั่นเอง..ซีล สไน้ส์เลื่อนฝีเท้าไปยังตึกด้านหลังนั่น ทำให้เขาต้องแข็งใจลุกขึ้นยืน ให้ตายสิ! อีกครั้งที่ซาวีน่าสบถในลำคอด้วยความฉุนกึก เมื่อรู้สึกถึงเลือดกำลังซึมปรี่กับเสื้อกันหนาวของเขาจนหัวไหล่นั้นชุ่มไปหมด
“ถึงที่หมาย ฉันจะทำแผลให้ แข็งใจหน่อยไอ้หนู ”เสียงของตาแก่นั่นช่างเย็นชาเสียจริงๆ

“ลุงเจอเซเรสหรือเปล่า? ฉันต้องหาตัวเธอก่อน...”


ตาแก่นั่นปรายตามองเขาอย่างไม่ชอบใจนัก ยกปลายนิ้วชี้

แตะที่ปากหยักของเขาพร้อมกับส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเงียบเสียง

  ซาวีน่าพลิกกายอย่างรวดเร็วเมื่อร่างหนาของซีล สไน้ส์เหวี่ยงบาง

อย่างตรงมาที่เขา
ฉึก!! แม่นราวกับนักฆ่ามืออาชีพ ซาวีน่าถอนหายใจเฮือกใหญ่คนแปลกหน้าคนหนึ่งร่วงเผละลงมาพื้นตรงหน้าเขา มีดบินขนาดเหมาะมือเจาะกะโหลกมันจนมิดด้าม
“ขอบคุณ..”
“รีบตามมา!” เขาไม่ตอบโต้ใดๆอีกรีบสาวเท้าตามอีกฝ่ายไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย มือหนึ่งต้องกุมแผลไว้ไม่ให้เลือดมันไหลจนหมดตัวก่อนที่เขาจะได้ถึงที่หมาย   เขาหวังแค่ว่าเซเรสจะเอาตัวรอดได้ แม้ว่าจะห่วงใยเธอมากแค่ไหนก็ตามแต่ยามนี้เขาไม่มีทางให้เลือกแล้ว
เดินทะลุซอยเล็กๆในซอกตึกนั่นมาได้ ซีล สไน้ส์ก็พาเขาไปยัง

หน้าห้องๆหนึ่ง เคาะประตูลงไปแค่สองทีประตูก็เปิดออกโดย

คนแปลกหน้า เป็นชายร่างใหญ่อ้วนและไว้เคราหนาราวกับมนุษย์ยุคหิน
“นี่เอเบิ้ล เพื่อนฉัน”

“เซเรสล่ะลุง?เซเรสมาที่นี่ก่อนผมนะ..หรือว่าเธอโดนไอ้พวกนั้นจับตัวไป..”
เขาถูกชายร่างหนาอ้วนคนนี้กระชากเข้าไปด้านในก่อนจะได้ยิน

เสียงประตูกระแทกปิดดังโครม


“ทำแผลก่อนไอ้หนู”

“แต่ว่าเซเรสล่ะ”

“เซเรสกินอาหารอยู่ในครัว”


 คำตอบนี้ทำให้เขารู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก ร่างสูงนั้นเซลงไป

กองกับพื้นก่อนจะหมดสติไป เขาหมดพลังงานจนได้ ซาวีนาบอก

ตัวเองอย่างนั้น ชายหนุ่มหลับตาลงด้วยความเหนื่อยอ่อนและหมด

กำลัง  อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยของเซเรส

 เขาคิดก่อนจะหลับไปในที่สุดปล่อยให้สองตาแก่นั่นจัดการกับแผล

ที่ถูกยิงไปก่อน เขาไม่ต้องกังวลเรื่องนี้เลยก็ได้ ร่างกายของมนุษย์

จากไมดอร่ามักมีระบบซ่อมแซมตัวเองได้ดีกว่ามนุษย์บนโลกนี้หลาย

สิบเท่านั่นเขารู้ดีเชียวแหละ