พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันศุกร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

Ando Drome

Midora4 เดวิด ชาง แซมสัน
ประตูใหญ่ที่ทำจากเหล็กกล้าอย่างหนากั้นระหว่างพื้นที่ด้านในกับด้านนอกไว้สูงกว่ากำแพงตึกสี่ห้าชั้น มันยิ่งให้ความรู้สึกยิ่งกว่าคุกในคาร์ชมาร์นั่นเสียอีก แต่หลายคนที่กำลังเดินเรียงแถวกันไปตรงหน้าประตูใหญ่นั้นต่างตกอยู่ในความเงียบงันดวงตาหลายคู่นั้นหลุบลงต่ำตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างแท้จริง ทอดมองพื้นที่เท้าสองข้างนั้นเหยียบย่ำไปทีละก้าวด้วยความรู้สึกที่อับจนหนทางในการหลบหนี มันเหมือนกำลังเดินสู่เครื่องประหารก็ปานนั้น
“พวกมันจับเรามาทำไม?..”
“มันต้องการอะไรกันแน่?”
“ด็อกเตอร์อัลลิสันเพิ่งโดนโยนลงไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว ผมแน่ใจว่าเราคงไม่รอดถ้าขัดใจมัน”
“พวกมันไม่ใช่คน ! หน่วยงานนี้เป็นของรัฐบาลหรือเปล่า?..ทำไมมีพวกทหารเต็มไปหมด เราน่าจะหาทางติดต่อกับภายนอก”
ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นราวกับยังคงมีความหวัง พวกเขาเคลื่อนตัวไปตามทางที่ยาวไกลนั่นหางตาคอยปรายมองคนที่ถือปืนคุมและเดินตามนั่นหลายครั้ง
เคชา เกรย์กอรี่ นักวิทยาศาสตร์ชาวอิสราเอลเดินด้วยหลังที่คุ้มงอลงใบหน้านั้นยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและแววตานั้นยากจะคาดเดาได้ว่าเขารู้สึกอย่างไรมากกว่ากันระหว่างหวาดกลัวกับมีความหวัง สายตากวาดมองรอบๆข้างทุกฝีก้าวที่เดินผ่านล้วนแต่ตกอยู่ในห้วงความจำที่แม่นยำราวกับภาพถ่าย
มีชายวัยกลางคนหลายคนเดินอยู่นำหน้าของเขาไปเรื่อยๆท่าทีไม่ได้แตกต่างกันเลย พวกเขาโดนลักพาตัวมาเช่นกัน ฟื้นขึ้นมาในห้องแคบๆในเครื่องบนลำหนึ่งพร้อมนักบินและคนที่คอยควบคุมด้วยอาวุธสงคราม หนึ่งในนั้นขัดขืนการทำงานของพวกมันทำให้ต้องถูกจับโยนลงจากเครื่องอย่างโหดร้ายที่สุด ทำให้ทุกคนนั้นหยุดชะงักจากการต่อต้านปล่อยให้เครื่องบินร่อนลงยังจุดหมายปลายทาง บนลานกว้างกลางป่าดงดิบที่ไหนสักแห่งที่พวกเขาไม่มีทางรู้
พวกมันทำงานด้วยความเงียบกระแทกปืนใส่หลังคนที่เดินช้าที่สุดสร้างความเจ็บปวดให้กับคนที่เหนื่อยเพลียกับการเดินทางที่แสนจะยาวนานนั่น มันทั้งทรมานและใช้ยาบางอย่างกับพวกเขา เคชา พยายามไม่ส่งเสียงหรือต่อต้านใดๆ เขาเอาแต่มองหาทางออกกับสถานการณ์อันเลวร้ายแบบนี้ แต่คงจะยากเต็มที พวกมันมีกำลังคนเยอะแยะ เมื่อลงจากเครื่องบินลำเลียงนั่นได้
เครื่องสื่อสารไม่มี มีแค่ปืนที่คอยจ่อที่หัวของพวกเขาสิ่งที่ทำได้ก็คือทำตามคำสั่งเท่านั้น เคชา เลื่อนตัวเองตามคนข้างหน้าของเขาไปเงียบๆพลางใช้ความคิด คนที่อยู่ข้างหน้าเขานั่นสามคนเป็นชาวออสซี่สองคนและหนึ่งคนนั้นมาจากอเมริกา พวกเขารู้จักกันบนเครื่องบินลำนั้นหลังจากฟื้นจากสารอะไรสักอย่างที่พวกมันฉีดใส่กับร่างกายนั่น
กับคำถามไม่ได้คำตอบกลับมาสักนิดเดียว  สิ่งที่พวกมันทำก็คือพาคนพวกนี้มายังจุดหมายปลายทาง ที่มีทางเข้าสูงลิบเป็นกำแพงหนาทำจากเหล็กแข็งแกร่ง ไร้ทางหลบหนี และด้านในนั้นจะเป็นอะไรได้นอกจากคุกสำหรับกักขัง เคชารู้ว่าพวกที่โดนลักพาตัวมานั้นเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่กำลังมีผลงานชิ้นสำคัญแก่ชาวโลกหลายสาขา แต่...พวกเขากลับหายตัวไปจากครอบครัวโดยไม่ได้รู้ชะตากรรมคนในครอบครัวเลยด้วยซ้ำ
หลายคนหดหู่และสิ้นหวังอีกทั้งยังถูกฆ่าทิ้งอย่างง่ายดายเพียงเพราะเป็นตัวอย่างให้กับคนที่เหลือนั่น มันได้ผล เพราะพวกเขาเงียบเสียงลงเลิกคร่ำครวญกับโชคร้ายของตนเอง
“เราหวังว่าคุณจะทำตามคำสั่งโดยไม่สร้างปัญหาอะไรอีก ไม่อย่างนั้นด็อกเตอร์อัลลิสันคงจะบอกคุณแล้วว่าความตายอยู่ใกล้แค่ไหน?..ศาสตราจารย์เบรนดอน ..”ใครคนหนึ่งเอ่ยขึ้นด้วยเสียงกระด้าง
ก่อนจะเห็นประตูใหญ่เลื่อนออกช้าๆโดยปราศจากเสียงครางครืน แสดงให้เห็นถึงระบบควบคุมในสถานที่แห่งนี้นั้นเยี่ยมยอดเพียงใด เคชา เกรย์กอรี่เงยหน้ามองความว่างเปล่าอยู่หลายนาทีก่อนจะถูกผลักหลังให้ก้าวเดินอีกครั้ง ลานกว้างเป็นพื้นหนาทำจากเหล็กกล้าเช่นกัน พวกเขาถูกบังคับให้ก้าวเดินไปยืนตรงกลางแค่ไม่นานนักกรอบสี่เหลี่ยมก็เคลื่อนตัวเข้าหากันกักขังพวกเขาไว้ในนั้นและเลื่อนตัวลงสู่พื้นเบื้องล่างช้าๆ บรรยากาศภายในกล่องใหญ่นี้เย็นชืดจนต้องยกมือโอบกร่างกายของตนเองไว้แน่นเพื่อช่วยผ่อนคลายความเหน็บหนาว
“หวังว่าพวกมันจะไม่ฆ่าเราทิ้ง..”
“นั่นต้องขึ้นอยู่กับว่าเราถูกพามาทำอะไรต่างหากล่ะ คราวก่อน ด็อกเตอร์ ไอแซคก็หายตัวไปหลังจากที่เขาเพิ่งสร้างเตาปฏิกรณ์ให้กับเกาหลีเหนือเสร็จได้แค่ไม่กี่วัน..ไม่แน่ว่าเขาอาจจะโดนคนพวกนี้จับมา..”เสียงใครคนหนึ่งพยายามบอกเล่ากับข้อสันนิษฐานของตัวเอง
“ผู้ช่วยของเขาถูกสังหารโดยอาวุธคมกริบในฉับเดียวคอขาดกระเด็น ภาพจากกล้องวงจรปิดไม่เห็นแม้แต่คนลงมือด้วยซ้ำ ผมไม่คิดว่าเราจะรอด..แค่อยากรู้ว่าพวกมันต้องการอะไรกันแน่”
เขาบอกเล่าต่ออีกครั้งหากแต่สายตากลับเงยหน้าขึ้นสูงจับจ้องไปยังกล้องวงจรปิดหลายตัวที่แฝงอยู่กับผนังแข็งแกร่งนั่น พวกเขาสบตากันและหยุดพูดเมื่อเคชา เกรย์กอรี่นั้นส่งสัญญาณด้วยการส่ายหน้าไปมาช้าๆสุดท้ายแล้วความเงียบก็กลับมาทำงานแข่งกับความเหน็บหนาวอีกครั้ง ทุกคนรอคอยกับการที่เจ้ากล่องใบใหญ่ ใบนี้จะหยุดลงเมื่อไหร่ มันดูเหมือนกำลังดิ่งลงสู่ใต้ผิวดินลึกลงไปเรื่อยๆจากแค่ไม่กี่เมตร เพิ่มเป็นสิบ..สิบห้า. ยี่สิบ..สามสิบ..มันหยุดที่ความลึกสามสิบเมตร เคชา เกรย์กอรี่สบถในลำคอเบาๆเมื่อเขาจับระยะได้ มันเป็นสถานที่ใต้ดินที่อยู่ลึกถึงสามสิบเมตรทีเดียว พวกเขาคงรอดยากแล้ว...วูบหนึ่งที่ความสิ้นหวังทำงานเต็มที่ชายผู้นี้ได้ทรุดลงกับพื้นกอดเข่าและและปล่อยน้ำตาไหลลงมาเงียบๆ เขาคิดถึงครอบครัว บุตรสาว บุตรชายและภรรยา...ความสิ้นหวังทำงานได้ดีเกินไปจริงๆที่ทำให้ทุกคนนั้นทอดสายตามองด้วยความรู้สึกไม่แตกต่างกันเลยสักนิดเดียว
“เอาล่ะ เซเรส เราต้องคุยกันเสียที”         
“ซาวีน่าตอนนี้ฉันหิว ฉันคิดอะไรไม่ออกหรอกนะ”
“ให้ตายสิ! เซเรส เวลาแบบนี้ยังอยากจะหาแต่ของกินอีกหรือ?”
“ฉันไม่กินไม่ได้ เข้าใจไหมซาวีน่า นายคงไม่เข้าใจแน่”ร่างสูงใหญ่ของซาวีน่าเดินพลางเหลือบตามองหญิงสาวด้วยความไม่พอใจเขาแวะหยอดตู้กับอาหารสำเร็จรูปได้พาสต้าผักโขมที่เย็นชืดมาสองกล่องเล็กๆ ยัดใส่มือเซเรสในที่สุดปล่อยให้หญิงสาวจัดการกับอาหารนั่นจนเหลือแค่กล่องเปล่าๆ พออิ่มท้องเธอก็หายใจแรงออกมาราวกับโล่งอกเสียเต็มประดา
“ซีล สไน้ส์อาจจะรอเราอยู่ที่พิกัดเดิม แต่เราจะไปช้าสักหน่อย..”
“หมายความว่าไงเซเรส”
“ลูเธอร์กำลังมาที่นี่กับคนของเขามากกว่าสิบ..”
“พลังของลูเธอร์ตอนนี้ แค่ปกป้องตัวเอง ฉันก็อาจจะไม่รอดแล้วจะดูแลเธอได้ยังไงเซเรส บางทีเราอาจจะแยกกันหนี”
ซาวีน่าเอ่ยพลางขยับตัวด้วยความระมัดระวัง พวกเขาออกจากถนนที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนเมื่อสิบนาทีที่แล้วหลังจากที่แน่ใจว่าหนีพ้นจากสายตาของพวก ลูเธอร์ราล์ฟมาได้ แต่บางทีกล้องวงจรปิดพวกนั้นอาจจะยังคงทำงานอยู่บ้างบางตัว ซาวีน่าแน่ใจว่าเดวิดคงจะควบคุมระบบการเชื่อมต่อของระบบวงจรปิดพวกนั้นไปหมดแล้วทั้งเมืองมอสโก เขาแน่ใจอย่างนั้น
เซเรส รีบพยักหน้ารับเธอก้าวเร็วไปยังอีกฝั่งหนึ่งของถนน ปล่อยให้ซาวีน่านั้นยืนนิ่งมองตามจนร่างบางนั้นหายลับไปกับกลุ่มผู้คน เขาภาวนาให้เซเรสเอาตัวให้รอดระหว่างที่อยู่ห่างกันแบบนี้ แต่ให้ตายสิ...ซาวีน่าไม่สบายใจเลย เขาไม่เคยทิ้งให้เซเรสไปไหนตามลำพังมาตลอดชีวิต พวกเขาผูกติดกันจนแทบจะเป็นคู่แฝดก็ไม่ปาน มันเป็นความเคยชินที่ซาวีน่าจะบอกตัวเองว่าเซเรสคือความรับผิดชอบของเขา ชายหนุ่มไม่มีเวลาคิดมากนักเขาต้องรีบเผ่นจากตรงนี้ก่อนที่ลูเธอร์จะมาถึงตัว มันคงยากที่เขาจะจัดการกับเจ้าปีศาจจอมกระหายเลือดอย่าง ลูเธอร์ได้ง่ายเหมือนก่อนนี้
สกิล การต่อสู้ของหมอนั่นพัฒนาไปไกลเกินไป ต่อให้เขาใช้พลังไมดอร่าช่วยก็ดูว่าจะเกิดประโยชน์น้อย การหาทางหลบเลี่ยงเป็นการออมแรงได้ดีกว่า ซาวีน่าเลื่อนแผนที่ขึ้นมาดูอีกครั้ง ห่างจากนี่ไปอีกสามถึงสี่บล็อกถนน เขาอาจจะเจอซีล สไน้ส์ที่นั่นก็ได้ แต่..ทำยังไงไม่ให้ ลูเธอร์รู้ว่าเขาจะไปที่นั่น..ตึกสูงหลายชั้นรอบๆตกอยู่ในความหนาวเย็นเหมือนทุกวัน บรรยากาศที่คาชมาร์ไม่ได้แตกต่างจากมอสโกเลยสักนิด มันเย็นเยือกและปราศจากมนุษย์ พวกเขาเดินพลุกพล่านแค่ในบริเวณถนนด้านหน้า แต่ทางเข้าในตรอกแคบๆพวกนี้กลับเงียบงันราวกับตึกร้างก็ไม่ปาน ซาวีน่าเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นจากปลายหางตาพบว่าคนแปลกหน้ากลุ่มหนึ่งกำลังแบ่งแยกกำลังมาในตรอกนี้สามถึงสี่นาย
 หนึ่งในนั้นเป็นคนที่ซาวีน่าเคยเห็นหน้ามาก่อน ใช่..คนสนิทของลูเธอร์ มันชื่อ ลูแปง โยฮันท์ ก่อนนั้นมันเคยทำงานในห้องประชุมร่วมกับเลขาส่วนตัวของเดวิด ชาง แซมสัน    ชื่อ ก็อต อาเธอร์ ชายหน้าตาดุดันที่ปราศจากรอยยิ้มตลอดยี่สิบปีที่เคยเจอกันนั่น ลูแปงเคยช่วยงานของก็อต อาเธอร์ในฐานะนักวิจัย พวกเขาเคยโต้เถียงกันเรื่องการแยกยีนของพืชและสัตว์กับการตีพิมพ์หนังสือแบ่งแยกพันธุกรรมศาสตร์ด้วยวิถีธรรมชาติ ซาวีน่าจำได้ว่าเขาเคยเสียเงินซื้อมันมาอ่านอีกด้วย แต่ก็นั่นล่ะ ข้อมูลพวกนั้นเหมือนภาพลวงตา มันไม่ได้ให้อะไรกับนักอ่านสมองกลวงอย่างเขาแน่ สิ่งที่อยู่ในหนังสือนั้นมีแต่บาร์โค้ด และรหัสลับที่มีแต่พวกไอคิวสูงกว่าร้อยยี่สิบเท่านั้นจะเข้าใจหนังสือพวกนี้ และ..แน่ล่ะบางส่วนมันเป็นแค่สัญลักษณ์เท่านั้น เขาโยนมันทิ้งทันทีที่อ่านจบ เมื่อมองไม่เห็นประโยชน์ใดๆ และซาวีน่าไม่เข้าใจว่า ลูแปง โยฮันท์จะต้องลงมาตามเขาด้วยตัวเองทำไม? ในเมื่องานนี้มันควรเป็นของลูเธอร์คนเดียวก็เหลือเฟือแล้ว ในเมื่อ ลูเธอร์มันออกจะเก่งกาจปานนั้น
ชายหนุ่มแนบกายซ่อนอยู่ในผนังตึกลอบสังเกตการณ์ภายนอก อย่างเงียบๆ เห็น ลูแปง ออกคำสั่งกับสามคนที่เหลือนั่น
“มันอยู่ในนี้แน่!
เขาอ่านริมฝีปากของมันได้อย่างง่ายดาย ซาวีน่าขมวดคิ้ว เขากวาดสายตามองหาข้าวของที่ติดตัวเขามานั้นด้วยความไม่เข้าใจ มือถือถูกโยนทิ้งไปแล้ว กระเป๋าเป้ก็อยู่กับเซเรส ในนั้นมีแค่อุปกรณ์ไม่กี่ชิ้นที่ไม่ได้ประกอบการใช้งาน มันคงไม่ได้ถูกฝังชิบติดตามตัวไว้แน่ เขามั่นใจอย่างนั้น จะมีก็แค่..ชายหนุ่มมองนาฬิกาข้อมือของตนเองด้วยความเสียดายเมื่อแน่ใจว่ามันต้องเป็นสาเหตุที่เขาสลัด เจ้าวายร้าย ลูเธอร์ไม่หลุดเสียที  มันเป็นนาฬิกาดิจิตอลที่เดวิดเคยให้เป็นของขวัญวันเกิดเขาเมื่อปีที่แล้วนั่นเอง ซาวีนาจัดการเหวี่ยงทิ้งไปไกลเท่าที่แรงเหวี่ยงมันจะมีอยู่ นาฬิกาเรือนที่เขาใช้มาตลอดปีนี้หายลับไปกับสายตามันห้ามหายไปยังตึกอีกด้านหนึ่ง
หันมาอีกทีก็ต้องชะงักกับสีหน้าแสยะยิ้มของใครคนหนึ่ง
“คิดว่าง่ายงั้นหรือ ซาวีน่า กลับไปกับเราซะดีๆ เดวิดต้องการคุณนะ”
“ลูแปง ดีใจที่ได้เจอคุณนะ ทำไมคุณไม่บอกผมล่ะ ว่าทำไมเดวิดทำแบบนี้กับเรา”
“คุณไม่ทำตามข้อตกลง คุณเจอตัวเขาแล้วนี่...”
“อ้อ..การที่ลูเธอร์พยายามจะสังหารผมกับเซเรสคุณเองก็มีส่วนด้วยงั้นสิ”เขาก้าวถอยหลังไปถึงสองก้าวเมื่อพบว่าข้างกายของลูแปงยามนี้มีชายฉกรรจ์มาเพิ่มอีกสามนาย พวกมันจ้องมองเขาด้วยแววตาพร้อมจะลงมือ
“นั่นไม่ได้อยู่ในข้อตกลงนะซาวีน่า ผมแค่ทำตามคำสั่งของเดวิด”
“คุณเป็นทาสเดวิดตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ”
“ผมกินเงินเดือนจากแซมสันคอมปานี”มันตอบด้วยท่าทีไม่ยี่หระต่อสายตาเย็นชาจากเขาเลยสักนิด
“ผมเคยได้ยินมาอย่างนั้น ลูแปง โยฮันท์ คุณเคยเป็นนักวิจัยที่ผมชื่นชอบนะ แต่ไม่ใช่ตอนนี้”
 ซาวีน่าไม่อาจจะพาตัวเองให้อยู่ในวงล้อมของคนพวกนี้ได้ อาวุธปืนในมือพวกมันทำให้เขาทำได้แค่ก้าวถอยหลังพลางตอบโต้ด้วยคำพูดเพื่อถ่วงเวลาเท่านั้น
“เดวิดย้ำเรื่องนี้กับลูเธอร์ก็จริงแต่นั่นยังไม่ดีพอ เขาควบคุมความโกรธและโทสะที่รุนแรงของตัวเองยังไม่ได้เลยนี่สิ”
“หมายความว่าพวกคุณทำอะไรกับลูเธอร์สินะ ทำอะไรล่ะแยกยีนเขาหรือว่าตัดแต่งมัน...”
สีหน้าของลูแปงไม่ได้ผิดไปจากที่ซาวีน่าคาดหวังไว้เลย มันหัวเราะอย่างบ้าคลั่งดวงตาวาววับราวกับชิงชังเขามาสิบชาติอย่างนั้นแหละ
“ฆ่ามัน!!
เสียงนี้จบลงซาวีน่าซัดคลื่นความร้อนที่สะสมไว้ระหว่างก้าวถอยหนีนั่นออกไปสุดแรงเกิด สองฝ่ามือปรากฏไฟลุกท่วมเป็นสายพุ่งใส่หน้า ลูแปงอย่างรวดเร็วมันลามเลียมไปทั่วบริเวณท่ามกลางเสียงกราดกระสุนที่พุ่งใส่ร่างของซาวีน่าราวกับห่าฝน ชายหนุ่มอาศัยแรงที่เขาซัดไฟนรกใส่พวกนั้นเหวี่ยงตัวเองขึ้นไปยังขอบหน้าต่างด้านบน โหนตัวหลบลูกกระสุนได้อย่างฉิวเฉียดจากนั้นก็ออกแรงวิ่งกระโจนขึ้นไปอีกชั้น อีกชั้น และอีกชั้น...รอยยิ้มสาใจปรากฏบนมุมปาก เขาแน่ใจว่า ลูแปงอาจจะต้องทำศัลยกรรมใบหน้าใหม่อีกรอบ มันคงจะหมดความหล่อเหลาก็คราวนี้ ช่วยไม่ได้ที่มันมันแต่พล่ามน้ำลายนั่น เสียงปืนดังไล่หลังเขามาติดๆ ซาวีน่าหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขาเกลียดการหนีสุดๆซาวีน่าพูดกับตัวเองในใจ เขาไม่มีทางให้เลือกอยู่เลยนี่สิ ดูเหมือนว่าพวกมันจะต้องการสังหารเขามากกว่าจับเป็น
หรือว่า ลูเธอร์ทำนอกเหนือคำสั่ง? วูบหนึ่งที่ซาวีน่าอดจะตั้งคำถามไม่ได้ เขาผ่อนฝีเท้าลงเล็กน้อยหากแต่ยังคงกวาดสายตาไปรอบๆเมื่อโหนตัวลงมายังพื้นแผ่นดินได้ในอีกสามช่วงตึกที่เขากระโจนข้ามมานั่น แต่..มันทำให้เขาต้องหรี่สายตาลงช้าๆอีกครั้ง จิตใจของเขากำลังหงุดหงิดเหลือกำลังเมื่อเห็นอะไรบางอย่างกำลังกระทบกับพื้นดัง กระแทกจนเกิดเสียงบึก!บึก!บึก! ลูกเหล็กกลมๆที่เต็มไปด้วยหนามยาวแข็งแกร่งกำลังถูกเหวี่ยงเป็นจังหวะโดยชายร่างใหญ่ที่ยืนขวางทางเขาอยู่ เวรแล้ว...ชายหนุ่มสบถในลำคออีกครั้งสบตากระหายเลือดของลูเธอร์ ราล์ฟด้วยความกังวลอยู่ลึกๆ
ลูเธอร์ ราล์ฟมาพร้อมกับอาวุธประจำกายของมัน ก่อนนั้นเขาเคยเห็นมันใช้ในการฝึกซ้อมมาแล้วในสนามฝึกของเดวิด ลูเธอร์มันชอบลูกตุ้มเหล็กขนาดเขื่องนี่สุดๆ มันถึงกับพกติดตัวไว้เสมอ แต่เขาไม่นึกว่ามันจะเอาออกมาใช้ทั้งที่มันมีปืนมากมายในกระเป๋าหลายช่องของกางเกงของมันนั่น มันแค่เลือกใช้เท่านั้นเอง แต่มันเลือกลูกตุ้มเหล็กที่มีหนามล้อมรอบ เหวี่ยงมันราวกับพระเจ้าที่กำลังปรารถนาจะลงทัณฑ์เทพผู้ทรยศต่อสวรรค์
“นายมีทางเลือกแค่นี้ ซาวีน่า ตายอย่างทรมาน...”
“หึ..งั้นหรือ? ลูเธอร์ นายคงไม่ลืมว่าเดวิดต้องการฉันมากแค่ไหน?..เขาไม่สนขยะอย่างนายหรอกนะ นายก็แค่ทาสรับใช้..”



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น