พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ANDO DROME

ซาวีน่าเอ่ยด้วยสีหน้าดุดันเล็กน้อยซึ่งอีกฝ่ายแค่ยกมุมปากนิดๆเท่านั้นสีหน้าไม่ได้แตกต่างจากก่อนนี้เลยสักนิดหนำซ้ำยังมองเขาอย่างขบขันและท้าทายอีกด้วย แต่นี่ไม่ได้ทำให้ซาวีน่าเดือดดาลอะไรนัก อย่างน้อยซาวีน่าแน่ใจว่าเขาจะได้คำตอบแน่ในไม่กี่นาทีข้างหน้านั่น
เสียเวลากับการอาบน้ำล้างตัวไปแค่ไม่กี่นาทีออกมาอีกทีก็เห็นเซเรสยกพาสต้ามาเพิ่มอีกแล้ว
“เธอกินมากเกินไปแล้วนะเซเรส”
“ฉันไม่เคยอ้วนและไม่เคยห่วงเรื่องนี้”
“ระวังจะหาแฟนไม่ได้”
“หึ..นายคงไม่คิดจะขู่ฉันใช่ไหมซาวีน่า”
“แน่ล่ะถ้าเธอหาแฟนไม่ได้ภาระเลี้ยงดูเธอตลอดชีพคงไม่พ้นฉันแน่”
เซเรสเบะปากใส่เขาพลางเหยียดสายตาใส่เขาจนซาวีน่าอดจะรำคาญไม่ได้ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องต้องคิดมากกว่าใส่ใจเรื่องการออกเดตของเซเรสกับชายหนุ่มคนไหน
“นั่นอะไรลุง?”
“แผนที่ ที่ฉันเพิ่งสอยมาได้จาก ดิคาร์ปิโอนักพนันชาวสวีดิช เลือดผสม ฉันตามหามันมาตั้งสองเดือนกว่า จนมาถึงมอสโกนี่”
กล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากล่องใส่บุหรี่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่านั่นด้านในกล่องมีเศษกระดาษที่ถูกพับไว้จนขนาดเล็กพอที่จะยัดมันในกล่องได้ ชายสูงวัยที่ซาวีน่าเรียกว่าC. William   นั้นหันมาสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนจะกางแผ่นกระดาษนั่นออกบนโต๊ะกลางตรงหน้าโซฟาตัวเก่าที่นั่งอยู่กับเซเรส ยามนี้
“มันเป็นแผนที่อะไร?”
“หืม..นายไม่รู้?”
“นี่ถ้ารู้ผมจะถามทำไมลุง”เขาย้อนด้วยความรำคาญไม่น้อย
“นายทำงานให้เดวิด ชาง แซมสัน  แต่นายไม่รู้ว่าหมอนั่นมันทำอะไร? นี่นายกำลังจะบอกฉันอย่างนั้นใช่ไหม? “
สีนัยน์ตาอันเทาเข้มนั้นทอประกายขุ่นมัวขึ้นมาบ้าง สบตากับซาวีน่าอยู่เกือบอึดใจก่อนที่คนสูงวัยกว่าจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ปรายตาไปที่แม่สาวนักกินอีกครั้งก่อนจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอไม่สนใจอะไรมากกว่าพาสต้านั่น
“เดวิด ชาง แซมสัน เป็นนักธุรกิจและเขาให้ผมตามหาคุณเพราะมีบางอย่างที่เขาต้องการอยากได้จากคุณและเขาจะจ่ายไม่อั้นสำหรับข้อมูลลับที่อยู่ในหัวคุณนั่นมิสเตอร์ซีล สไน้ส์”
“หึ..แลกกับการหายตัวไปของนักวิจัยทั่วโลกอย่างนั้นหรือไงเจ้าหนู?..คงคุ้มหรอกนะถามหน่อยเหอะ นายทำงานให้แซมสันมากี่ปีแล้ว”
“ตลอดชีวิตหลังจากที่รอดตายจากกองเพลิงมาได้”
“หุบปากเซเรส!
เซเรสเบะปากตัวเองอีกครั้งก่อนจะผุดลุกหนีจากที่นั่งตรงนี้เธอหายตัวเข้าไปในครัวอีกครั้ง ซาวีน่าพ่นลมออกจากปากเบาๆกับการตะคอกหญิงสาวไปนั่นเพราะไม่ได้อยากให้เรื่องในอดีตที่ต้องเก็บซ่อนไว้นั่น ต้องถูกสาวไส้อีกครั้ง เซเรสมักไว้ใจคนแปลกหน้าง่ายๆ เรื่องนี้เขาพยายามปรับปรุงแต่ก็ยากเต็มที เพราะความสามารถพิเศษที่เซเรส มีนั่น ทำให้เธอรับรู้ง่ายดายว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู
“นี่คือแผนผังล่าสุดที่ฉันตามหาตั้งสองเดือนกับตำแหน่งของนักวิจัยที่หายตัวไปในโรมาเนีย ที่จริงมันมีมากกว่านี้อีกนะ ด็อกเตอร์เวลสันที่เพิ่งได้รับรางวัลสาขาพืชศาสตร์เมื่อสองปีก่อนนี่ก็หายตัวไปในอียิปต์ระหว่างที่เขากำลังท่องเที่ยวกับภรรยาในช่วงหยุดพักผ่อน ภรรยาเขาเสียชีวิตในโรงแรมหรูในกรุงไคโร แต่ตัว เวลสันหายไปอย่างไร้ร่องรอยตำรวจที่นั่นทำงานหนักถึงสองปีเต็มๆแต่ไม่ได้อะไรเลย”
“แล้วมันเกี่ยวกับแซมสันตรงไหน?ลุง..แซมสันแค่นักธุรกิจนะ เขาบริจาคให้องค์กรการกุศลปีๆหนึ่งเป็นพันๆล้านลุงก็น่าจะได้อ่านข่าวบ้าง”
“มันแค่สร้างภาพไอ้หนู ฉันแน่ใจว่าแซมสันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่..แค่หาทางปะติดปะต่อเรื่องยังโยงไปไม่ถึงหมอนั่นได้ แต่ก็นะ เอ็งรับเงินค่าจ้างจากหมอนั่นก็ต้องยินดีกับสิ่งที่หมอนั่นทำอยู่แล้ว”
ซาวีน่ากลอกตาไปมาเขาหยิบพาสต้าที่วางเหลืออยู่แค่ชิ้นเดียวนั่นกัดกลืนมันลงท้องอย่างขอไปที
“แล้วไอ้ข้อมูลที่แซมสันต้องการจากฉันนั่น ขอบอกไว้เลยไอ้หนู มันไม่มีทางได้จากฉัน เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะฉันไม่รู้อะไรเลย..ที่รู้และแน่ใจมีอยู่อย่างเดียวเรื่องนี้มันพัวพันกับการตายของเพื่อนซี้ของฉัน และฉันค่อนข้างแน่ใจว่ามันอาจจะเกี่ยวกับการที่ภรรยาของฉันตายตอนคลอดลูกชายของฉันด้วย..ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอดหลายปีมาแล้ว มันติดอยู่ในหัวจนฉันต้องคิดหาวิธีค้นหาคำตอบ “
ท้ายประโยคนั้นฟังดูเย็นชาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ซาวีน่าเลื่อนสายตาไปที่แผนผังอีกครั้งด้วยท่าทีกังวลอยู่ในใจไม่น้อย เขาอาจจะเสียเวลาเปล่ากับงานนี้ ถ้าไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่างให้แซมสันล่ะก็ มีหวังว่าตาแก่นี่คงไม่จ่ายค่าจ้างงวดสุดท้ายให้เขาอีกแล้ว ดีไม่ดีหมอนั่นคงจะไล่เขาให้ออกมาหากินเอง
“ต้องรีบแล้วซาวีน่า!! เราต้องย้ายก้นจากที่นี่ด่วนที่สุด กองกำลังไม่ทราบฝ่ายกำลังพุ่งมานี่พร้อมอาวุธครบมือ”
เสียงเซเรสโผล่หน้ามาตะโกนใส่เขาด้วยท่าทีแตกตื่น
“ตำรวจมอสโกรึไง? เวรแล้ว...”
ซาวีน่าพุ่งตัวไปในครัวกวาดสายตามองจอมอนิเตอร์มองผู้มาใหม่ด้วยความตกใจ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่พร้อมอยู่ในสภาพคล้ายกองกำลังสำหรับทำสงคราม
“ทำใจซะไอ้หนูนั่นเป็นคนของเดวิด คิดว่ามันจะปล่อยให้ฉันเดินหนีไปง่ายๆรึไง นายถูกสอดแนมเชื่อสิ”
“เป็นไปไม่ได้ลุง เดวิดจะสอดแนมเราทำไม?ในเมื่อผมทำงานให้เขา และตอนนี้ก็อาจจะแค่ส่งตัวลุงให้พวกมันก็น่าจะจบ..”
“แน่ใจรึ?..”
ซาวีน่าตอบไม่ได้เขาหันมาสบตากับเซเรสอีกครั้งแต่หญิงสาวอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมกับการเดินทางแล้วอุปกรณ์หลายชิ้นถูกยัดลงเป้อย่างรวดเร็ว เสื้อแจ็คเก็ตหนาสวมอย่างรัดกุมรองเท้าบูทนั้น
โชคดีที่เธอยังไม่ได้ถอดหรือแม้แต่จะอาบน้ำด้วยซ้ำด้วยความหิวจัดนั่นทำให้เซเรสไม่สนใจเรื่องอื่นมากนัก ซาวีน่าก้าวเร็วมาที่ราวแขวนเสื้อผ้าของเขารีบสวมมันกลับเข้าลำตัวอย่างรวดเร็วที่สุด
“มีเวลาเหลือเท่าไหร่เซเรส”
“ห้านาทีเต็มที่..”
“ให้ตายสิ มันจ่อตูดเราขนาดนั้นเลยรึไง?”
เขาโวยวายอีกครั้งขณะที่ซีล สไน้ส์ยัดแผนที่กลับที่เดิมพลางดึงเสื้อแจ็คเก็ตมาสวมท่าทีสงบกว่าซาวีน่ามากนัก
“ออกด้านหลังคา”
เซเรสก้าวนำไปยังบันไดที่ไปยังดาดฟ้านั่นกระโจนตัวฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายมาไม่ขาดสายนั่น ซาวีน่าโยนเป้ของเขาตามหลังเธอไปติดๆ ซีล สไน้ส์ ผลักประตูปิดอย่างแผ่วเบาก่อนจะกระโดดตามไป
 สามคนโรยตัวลงไปยังช่องว่างระหว่างตึกสูงสองอาคารนั่นมันมีช่องว่างแค่เพียงไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ แต่เซเรสนั้นนำไปก่อนด้วยท่าทางชำนาญกับการไต่ตามผนังนั่น เธอสลับขาไปมากับการทิ้งน้ำหนักตัวทีละอย่างจนกระทั่งถึงพื้นในเวลาไม่นานนัก
เงยหน้ามองอีกสองคนที่เหลือที่ทิ้งตัวตามลงมานั่นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ร่างหนาสองร่างกลับกระแทกตัวลงกับพื้นจนหน้าตาพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บและจุกกับการกระแทกนั่น
“มีสองคนที่ด้านข้าง..”
เซเรส กระซิบเสียงแผ่วเบา แต่ซาวีน่าก้าวพรวดไปยังเป้าหมายทันที เขาเสียเวลาแค่ไม่นานนักกับการทำให้คนแปลกหน้าหมดสติ กระแทกหมัดใส่หน้าคนแปลกหน้าอย่างแรงตามด้วยด้ามปืนที่เพิ่งยึดมาได้นั่นหันมาที่ซีล สไน้ส์ เขาไม่ได้ทำให้ผิดหวังนักตาลุงคนนี้ซัดหมอนั่นจนสลบเหมือดไม่ร้องออกมาสักคำ
“เดวิดต้องการจะฆ่าเราด้วยรึไงเซเรส..”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนะซาวีน่า เขาทำแบบนี้ทำไม?..”
“หึ..สิบกว่าปีมานี้พวกมันหาฉันไม่เจอ..แต่นายทำได้ มันอาจจะแปลว่ามันคงไม่อยากเสียเวลาที่จะปล่อยให้ฉันหายตัวไปอีกครั้งแน่”
คนแก่ที่เพิ่งเหนื่อยหอบกับการออกแรงนั่นหันหลังชิดกับกำแพงกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะหันมาตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก เขาก้าวนำไปในทันทีหลังจากแน่ใจว่าปลอดจากสายตาของคนแปลกหน้าพวกนั้น พวกมันแบ่งกำลังคนไว้ข้างล่างนี่แค่สองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือคงจะอยู่ข้างบนนั่นกับห้องรกๆที่ว่างเปล่าปราศจากเป้าหมาย
“เราจะไปไหนกัน?”
“ไปไหนงั้นหรือเซเรส เราหมดภารกิจแล้ว ถึงกับส่งคนสอดแนมฉันและคิดฆ่าฉันไม่ใช่เรื่องปกติ นี่เธอคงไม่คิดว่าตาแก่แซมสันนั่นจะยอมจ่ายเงินงวดที่เหลือให้เราหรอกนะ..”
เซเรสนิ่งงันไปเมื่อสบตากับอาการหัวเสียของคู่หู
“และฉันไม่ได้อยากทำงานในคลับนั่นจนแก่หรอกนะเซเรส “
“กลับไปที่แอสตัน คิงส์อีกไม่ได้แน่ เดวิดคงวางกำลังไว้ที่นั่น”
“ดีใจที่พวกเธอคิดออกซะที เอาล่ะ ฉันมีแผนบี...”
“หึ ผมเสียเวลาตั้งปีๆกว่าจะเจอตัวลุง แต่เดวิดทำแบบนี้มันไม่ใช่ ผมจะติดต่อเขา”
“เพื่อให้แซมสันรู้ว่านายอยู่ที่ไหนงั้นหรือไอ้หนู เห็นชัดๆว่าพวกมันให้คนตามดูนายทุกฝีเก้า ไม่ต้องโทรหามันก็หานายเจอเชื่อสิ”
“เขาทำเพื่ออะไรกันแน่? หวังว่าคงไม่คิดจะครอบครองโลกหรอกนะ”
เซเรสพึมพำออกมาเบาๆสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวลไม่น้อย
“มันก็ไม่แน่ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังถูกจับตามองจากคนลึกลับ พวกเขาหายตัวไปโดยไม่มีการติดต่อกลับคนทางบ้าน และที่แย่กว่านั้น สารบางตัวที่แซมสันผลิตมานั่นมันมีพิษและอำนาจบางอย่างที่อาจจะส่งผลร้ายกับใครก็ตามที่ได้รับมัน”
คำตอบโต้นี้มาจากซีล สไน้ส์ที่ก้าวนำไปยังถนนใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านบนของตกสูงนั่น เซเรสวิ่งตามไปติดๆ ไม่มีคำถามใดๆเล็ดรอดมาจากใครๆอีกนอกจากต้องหนีให้พ้นจากสายตาคนเหล่านั้นเสียก่อน หิมะขาวโพลนนั้นไม่ได้ช่วยให้การเดินทางราบรื่น กับสภาพอากาศที่เย็นจัดนั่น ซาวีน่าเร่งฝีเท้าเป็นฝ่ายนำทางเมื่อมาถึงบริเวณตึกสูงที่เก่าคร่ำคร่า
“เส้นนี้ลัดไปยังอุโมงค์ใต้ดินได้ โผล่ที่สถานีรถไฟ ว่าแต่เราจะไปไหนต่อ..”
“บัตรเครดิตใช้ไม่ได้แน่ เงินติดตัวก็มีแค่ไม่กี่รูเบิ้ล ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะรอด”
เซเรสเอ่ยพลางหอบหายใจแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อยเธอยกหลังมือปาดเหงื่อออกจากข้างแก้มสองสามครั้งก่อนจะยืดตัวตรง
“หาตั๋วไปแคชมาร์ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที..พวกมันตามมาแล้ว เร็วสิไอ้หนู”
ซีล สไน้ส์เอ็ดเบาๆ พลางผลุบหายเข้าไปยังความมืดของซอกเล็กๆนั่น





วันศุกร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Ando Midora Drom

Ando Midora Drome

เส้นทางที่ต้องผ่านอุโมงค์ใต้ดินในรางรถไฟของเมืองแคชมาร์ ยามนี้ปราศจากมนุษย์หรือแม้แต่รถไฟที่แล่นผ่านมันเงียบสงบ หากแต่สองคนที่ลากฉุดกันไปตามทางนั่นกลับมีการต่อสู้กันหลายครั้งเสียงกำปั้นกระแทกกับเนื้อดังขึ้นหลายคราผลัดกันรุกผลัดกันรับ จนกระทั่งต่างฝ่ายต่างหมดแรงทิ้งตัวลงพิงกับผนังนั่นหอบหายใจแรงหลายนาที
“พอ พอแล้วไอ้หนู ฉันจะแก่แล้วนะโว๊ย นายมีอะไรจะถามก็ถามมาซิวะ? ลากฉันมาที่นี่ทำไม? “คนแก่กว่ายกมือโบกไปมาก่อนจะหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย
“อ้อ ที่ทำเมื่อกี้ไม่เห็นจะบอกเลยสักนิดว่าตัวเองแก่ ให้ตายสิ! ไม่อยากจะเชื่อเลย ผมเจอคนมาก็เยอะแล้วยังไม่เคยเจอใครที่เหนียวมีระดับเหมือนลุงสักคน Silver C. William .
ความเงียบพลันบังเกิดขึ้นหลายอึดใจต่อมาก่อนที่ซาวีน่าจะทันระวังตัวร่างหนาแกร่งของอีกฝ่ายก็พุ่งมาที่เขาอย่างรวดเร็วแขนแกร่งของชายวัยแก่กว่าล็อคเข้าที่ศีรษะเขาก่อนจะกดด้วยเรี่ยวแรงมหาศาลจนชายหนุ่มร้องไม่ออก เขารู้สึกเหมือนหัวตัวเองกำลังจะหลุดจากลำคอ
“ใครส่งนายมา?..นายมาจากลุ่มไหน?ทำไมถึงรู้จัก Silver C. William
เสียงห้วนๆนั้นกระซิบตรงหูของชายหนุ่มด้วยอาการคุกคามระดับสิบ.. ซาวีน่าหายใจแทบไม่ออกเขาสูดลมเข้าช่องอกอย่างแรง แต่เหมือนมันไม่เข้าไปถึงปอดด้วยซ้ำ ทำได้แค่อึกอักในลำคอใบหน้านั้นแดงก่ำพยายามตวัดขาใส่อีกฝ่ายแต่ก็ช่างยากเต็มที เขาโดนล็อคจากด้านหลังและ อีกฝ่ายเตะเข้าข้อพับเขาจนร่างหนาของชายหนุ่มทรุดลงคุกเข่ากับพื้นเฉอะแฉะนั่น ท่อนแขนแข็งแกร่งของชายแปลกหน้าไม่พยายามลดแรงลงเลยด้วยซ้ำ
สาม  สอง..หนึ่ง..ซาวีน่าคำรามในใจของเขาก่อนจะส่งพลังบางอย่างออกมาทำให้ร่างหนาของคนที่คุกคามเขาอยู่นั้นลอยละลิ่วไปไกลเกือบสิบเมตร ชายแปลกหน้าแทบไม่ปล่อยเวลาให้เปล่าประโยชน์ ในสองวินาทีต่อมาร่างหนาแกร่งนั้นก็ตั้งหลักได้ ยืนจังก้าอยู่กับรางรถไฟส่งสายตาขุ่นเคืองมาที่เขา
จากแสงไฟของผนังด้านข้างของอุโมงค์ ทำให้ซาวีน่ารับรู้ว่า ชายผู้นี้ต้องเป็นคนที่เขาต้องการตัวอยู่แน่นอน สีนัยน์ตาที่ทอประกายกระด้างจัด ทอดมาที่เขากำปั้นหนักนั้นถูกกำไว้แน่นคล้ายพร้อมจะลงมือในทุกเมื่อ
ซาวีน่าผุดลุกยืนด้วยความทุลักทุเล เขาเหยียดกายสูง ก่อนจะไออยู่พักใหญ่ ระหว่างนั้นอีกฝ่ายยังไม่ยอมจู่โจมเสียทีนี่สิ เหมือนเขารอเวลา
“ผมจะถามแค่ไม่กี่คำ..Silver C William นั่นคือชื่อคุณจริงๆรึไง?..”
“มันสำคัญตรงที่นายรู้ชื่อนี้มาจากใครต่างหากล่ะไอ้หนู  ไม่งั้นล่ะก็เราคงต้องออกแรงอีกสักยก..หึ..เพราะนี่เป็นคำถามที่ฉันต้องการคำตอบสุดๆ..และนายมีทางเดียวคือต้องตอบคำถามฉันไอ้หนู!!
ร่างหนาของชายแก่แปลกหน้าที่เขาอุตส่าห์ตามมาถึงโรงแรมแอสตัน คิงส์นั่น กำลังก้าวเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง สีหน้าและแววตาที่ปราศจากความไยดีกับสิ่งมีชีวิตหรือสิ่งรอบๆกายไม่ว่าอะไรก็ตาม ชายผู้นี้ทำให้ซาวีน่าถึงกับสบถในลำคอเมื่อจู่ๆร่างหนาก็สาวหมัดใส่เขาโดยไม่รอให้ชายหนุ่มตั้งตัวได้ ซาวีน่าขยับกายหลบหลีกด้วยแรงส่วนที่เหลือ แม้ว่ามันจะหลบได้บ้างแต่กำปั้นบางส่วนยังคงกระแทกใส่ร่างเขาหลายครั้งทีเดียวโดยที่เขาแทบปัดป้องมันไม่ทัน
“ให้ตายสิลุง! นี่มันหมัดสำนักไหนกันเนี่ย?”
“มวยไทยโว้ย! เคยได้ยินไหมไอ้หนู แม่ไม้มวยไทย “
ซาวีน่าหลบหลีกพลางบ่นไปด้วยความขัดใจที่เขาหลบหมัดของชายแปลกหน้าแทบไม่ทันทำให้ชายโครงนั้นโดนกระแทกไปหลายทีจนรู้สึกจุกไปหมด เขาถอนหายใจที่ต้องรวบรวมพลังอีกครั้งจนได้ เมื่อดูแล้วคงยากจะหยุดชายแปลกหน้าคนนี้ได้ง่ายๆอย่างที่คาดไว้
พลังจากไมดอร่า ส่งผลให้เขาจัดการกับคนแปลกหน้าได้ไม่ยากเมื่อร่างหนาที่กำลังคลุกวงในใส่เขาอยู่นั้นโดนกระแทกด้วยพลังจนลอยลิ่วตกไปไกลถึงสิบเมตรอีกครั้ง พร้อมๆกับแสงไฟสว่างจ้าปะทะดวงตาของเขาจนต้องหรี่นัยน์ตาลง
เสียงบางอย่างกำลังแล่นมาด้วยความเร็วสูง เวรแล้ว! รถไฟหัวจรวดกำลังพุ่งมาจากด้านหน้าของเขา Silver C. William กำลังนอนหมดสภาพอยู่ตรงกลางรางรถไฟพอดิบพอดี
“นายทำบ้าอะไร? ซาวีน่า!!!
เสียงตะโกนนั่นดังมาจากไม่ไกลนัก ทำให้สติของชายหนุ่มกลับคืนมาอย่างรวดเร็วแต่ก็ยังช้ากว่าเจ้าหัวจรวดที่กำลังพุ่งมานั่น
ไม่รอดแน่! ซาวีน่าอุทานด้วยความตื่นตระหนกเมื่อพบว่าถ้าSilver C. William ต้องมา ม่องเท่งตรงนี้ล่ะก็ ที่ซาวีน่าลงทุนลงแรงมาตลอดทั้งปีมานี่ก็คงจะสูญเปล่า...เขาไม่ได้อะไรเลย..แน่นอน นั่นคงไม่ใช่ผลดีกับอนาคตของเขาและเซเรสเท่าไหร่..เขาคงต้องหากินในคลับในบาร์ อวดเนื้อตัวกับสาวแก่แม่ม่ายไปจนแก่..แค่คิดก็สยองแล้ว..
 
ถนนสายนี้กำลังว่างเปล่าเพราะมันมีแต่หิมะหนาเตอะ แสงไฟวับแวมที่ติดตามทางนั่นพอให้มองเห็นคนสามคนที่กำลังพยายามเดินย่ำฝ่าหิมะที่หนาเตอะนั่นไปตามเส้นทางปราศจากผู้คนสัญจรนั่น เวลานี้มันปาเข้าไปเกือบค่อนรุ่งแล้ว แต่เหมือนกับว่าพวกเขายังไม่ถึงที่หมายปลายทาง และไม่มีรถยนต์หรือเครื่องยานพาหนะใดๆ นอกจากสองเท้าที่ต้องนำพวกเขาไปสู่จุดหมาย
“มันแค่ต้องเจรจา ทำไมนายต้องออกแรงขนาดนี้ด้วย? ในสัญญานั่นไม่ได้ระบุว่านายจะต้องทำร้ายเป้าหมายหรือสังหารหรือทำให้เป้าหมายเจ็บตัวไม่ใช่รึไง? ฉันจำสัญญาเฮงซวยนั่นได้นะ”
“แน่ล่ะ นั่นมันหน้าที่เธอนะเซเรส ฉันมีหน้าที่แค่หาเป้าหมายให้เจอ เราตกลงกันแล้วนี่”
“แต่ที่นายทำมันเกินไปแล้ว”
“ฉันยังไม่ได้ฆ่า..”
“แต่นายเกือบปล่อยให้เขาตายใต้รางรถไฟนั่น”
“ฉันพาออกมาทันแล้วนี่ เซเรส เธอจะบ่นทำไมไม่ทราบ! เดินมาสองไมล์แล้วตาลุงนี่ยังไม่บ่นสักคำ เขาเป็นคนเจ็บแท้ๆ..”
ซาวีน่าปรายหางตามองเป้าหมายของเขาที่ยามนี้ดึง ฮู๊ดเข้ากับศีรษะอีกครั้ง นัยน์ตาคู่คมกริบสีน้ำตาลอ่อนมันปรายมาสบกับเขาแวบหนึ่ง เขาอดจะรำคาญไม่ได้ที่เซเรสบ่นไม่หยุดหลังจากที่ทุกอย่างกำลังเรียบร้อยดี
Silver C. William มาจากซิลเวอร์ ซีล สไน้ส์ พยัคฆ์ สิงหราช อดีตสายลับที่ทางรัฐบาลอเมริกาต้องการตัวกลับไปร่วมงานด้วยสุดๆ “เขาอดเปรยขึ้นมาไม่ได้
“แน่ใจได้ว่านายจะอยากคุยเรื่องนี้ตอนนี้?..”คนแก่กว่านั้นเอ่ยด้วยเสียงห้วนห้าวแบบไม่พอใจ สีหน้าก็กระด้างและเย็นชาจับใจ ซาวีน่ายักไหล่ของเขาไปมาก่อนจะเงียบไป
“เราจะคุยกันหลังกินมื้อค่ำ ฉันเริ่มหิวแล้ว”
เซเรสตัดบทอีกครั้งร่างในเสื้อโค้ทตัวหนานั้นเร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิมเมื่อเห็นที่หมายในวงจรสายตา ในใจกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมาย เมื่อคิดถึงสิ่งที่ผ่านมาในอุโมงค์ใต้ดินเมื่อครู่นี้
หลังจากที่ตะโกนใส่ซาวีน่าด้วยความตกใจนั่น เธอเผลอใช้พลังไมดอร่าเพื่อลดแรงความเร็วของรถไฟความเร็วสูงนั้นลงเกือบครึ่งทำให้ซาวีน่ามีเวลาพอที่จะพุ่งไปฉุดร่างหนาของคนแปลกหน้าออกมาพ้นระยะรัศมีแห่งความตายได้แบบฉิวเฉียดและนี่ทำให้เธอแทบหมดพลังอย่างไม่น่าเชื่อ..มันบ้าชะมัด ยิ่งใช้พลังหญิงสาวก็ยิ่งเพิ่มระดับความหิวในการบริโภคอาหารเพิ่มมากขึ้น
ก้าวมาถึงตึกเก่าๆด้านหลังถนนใหญ่นั่น เซเรส ลอดรั้วลวดหนามลัดเลาะไปตามซอกเล็กๆก่อนจะโหนตัวขึ้นไปยังบันไดหนีไฟ ผลุบกายเข้าไปยังช่องประตูที่เคยใช้ยามฉุกเฉินนั่นโดยไม่ใส่ใจกับซาวีน่าและคนแปลกหน้าอีกคนนั่นอีก เธอตรงเข้าไปที่ห้องครัวจัดการลงมือทำกับเมนูมื้อค่ำกับพาสต้าที่ยังคงมีอยู่นั่น
กลับมาอีกทีที่ห้องใหญ่บริเวณด้านล่างของห้องใต้หลังคานั่นเห็นซาวีน่ากำลังส่งผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ให้กับคู่อริต่างวัยของเขา
“น้ำอุ่นคงช่วยดับกลิ่นได้บ้างล่ะลุง แต่อย่าใช้นานล่ะ ผมรอคิวอยู่นะ”
หญิงสาวเหลือบตามองตามหลังคนแปลกหน้าไปจนร่างสูงนั้นหายไปกับขอบประตู
“ทำไมนายแน่ใจนักว่านี่คือเป้าหมาย..”
“ต่อให้ไม่ใช่เป้าหมายก็เถอะ เซเรส ตาลุงนี่รู้จัก ซิลเวอร์ ซีล สไน้ส์ดีทีเดียว เขาบอกเองว่าเรารู้เรื่องนี้มากแค่ไหน?ที่ฉันสงสัยก็คือ ทำไม?..เขาต้องทำท่ากังวลด้วย..และเธอไม่คิดบ้างรึไงว่า ทำไมเดวิดถึงต้องหาตัวเขา และต้องหาให้เจอก่อนที่หน่วยงานของรัฐบาลของ ดิคาร์โอเนลจะเจอ”
สีหน้าของซาวีน่านั้นทำให้เซเรสอึ้งไปชั่วขณะ แต่ความสนใจก็ถูกทำลายลงด้วยพาสต้าจนได้กลิ่นหอมอบอวลที่อยู่ในปากของเธอทำให้คำถามของซาวีน่านั้นไร้ความหมาย..
ซาวีน่าส่ายหน้าไปมาช้าๆ เขาทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟาที่ทั้งเก่าทั้งผุอย่างหงุดหงิดเล็กน้อยหากแต่ก็พยายามเข้าใจเซเรส ที่เธอเป็นได้แค่ผู้หญิงเท่านั้นและเขาก็ทิ้งเธอไม่ได้อยู่ดี นั่นมันนานมาแล้วหลายปีตั้งแต่เด็กๆ เซเรสเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขาไปแล้ว ซาวีน่าคิด พลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้าเรารู้ว่าเดวิดคิดอะไรอยู่ก็น่าจะดีกว่านี้..”
จู่ๆคนที่กำลังมีความสุขกับมื้อค่ำในเวลาค่อนรุ่งนั้นก็หลุดคำพูดออกมา
“แล้วคิดว่าฉันไม่อยากจะรู้ความคิดของเดวิดรึไง เซเรส เราเสียเวลากับงานนี้มาตั้งแต่2012 มันนานเกินไปแล้ว..ฉันเริ่มเบื่อการเดินทาง”
“อืม..นั่นสิ เป็นเพราะนายเริ่มติดใจแม่ชาโรกา นอฟสกี้นั่นหรือเปล่า?..แม่ยกเงินหนาที่เคยให้ทิปนายทีละหลายพันรูเบิ้ล น่ะ”
“พูดโง่ๆ ฉัน เนี่ยนะจะชอบสาวรัสเซียหึ..ฉันแค่อยากมีเงินซื้ออาหารดีๆกินต่างหากล่ะ เซเรส ลำพังแค่งานเสิร์ฟของเธอคงพอแต่ค่าพาสต้าผักโขมเท่านั้น”
เซเรสปรายตามองคู่หูอย่างไม่ชอบใจนัก แต่หญิงสาวไม่ใส่ใจคำพูดของซาวีน่าเท่าไหร่
“ฉันเคยพยายามอ่านใจเดวิด..แต่..มันไม่ได้ผล เขาเก็บกล่องความลับของเขาไว้ในเซฟอย่างดีมากๆ..เข้าไม่ถึงและ..รอบๆกล่องเขาวางกับดักเต็มไปหมด ฉันไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเราถูกหลอกใช้หรือเปล่า?”
“หือ..เรามาจากไมดอร่า และเดวิดก็ใช่ เขาพยายามทำให้เราชินกับโลกใบนี้”
“เขาไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ เราชินกับโลกใบนี้อยู่แล้วซาวีน่า จำได้ว่าเมื่อก่อนเรามีความสุขมากกว่านี้ ฉันได้เรียนหนังสือและใช้ชีวิตแบบ..”
เสียงบอกเล่านั้นชะงักกึกลงเมื่อเห็นอีกคนก้าวมาจากห้องน้ำในสภาพผ้าเช็ดตัวพันกายแค่ผืนเดียวปล่อยให้แผงอกแกร่งนั้นอวดไรขนสีทองประกาย ดวงหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเครานั้นถูกจัดแต่งจนดูดีขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า ซาวีน่านั้นถึงกับครางออกมาเสียงต่ำ
“นี่..ลุง..ตกลงลุงใช่คนเมื่อกี้หรือเปล่าเนี่ย?..หรือว่ามีหลายหน้า แบบว่าเปลี่ยนหน้าได้แบบหน้ากากจีนอะไรแบบนั้น..จากปีศาจเป็นพระเจ้าในสองนาที..”
คนแปลกหน้าเหยียดรอยยิ้มใส่นัยน์ตาของซาวีน่าแวบหนึ่ง ก้าวไปหยิบเสื้อผ้าที่แขวนอยู่นั่นมาสวมใส่อย่างไม่ใส่ใจสายตาของอีกสองคนนั่นสักนิดเดียว
“ถ้านายรู้จักเดวิด ชาง แซมสัน นายก็ต้องรู้จัก ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานี พวกเขาทำวิจัยเกี่ยวกับสายพันธุ์มนุษย์ในโคลัมเบีย..มีแล็บ หลายแห่งเป็นพันธมิตรของพวกเขาไม่ว่าจะในเชอโนบิล หรือมอสโกหรือแม้แต่ในบอสตัน”
คำบอกเล่านี้ทำให้เซเรสหยุดชะงักจาการกินได้ครู่หนึ่งนัยน์ตาสีฟ้าอมน้ำเงินแปรสีไปมาด้วยอารมณ์กระแสแห่งความอยากรู้ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั่น
ร่างสูงๆของชายแปลกหน้าที่ตอนนี้ดูคล้ายจะอยากสงบศึกลงชั่วคราวกลับมาที่โซฟาทรุดตัวลงนั่งข้างๆซาวีน่าพร้อมกับหยิบพาสต้าใส่ปากเคี้ยวด้วยท่าทีหิวจัด
“ผมจะอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราค่อยคุยกันเรื่องนี้ ลุงต้องบอกผมในความจริงเท่านั้นแต่..ไม่ต้องห่วงนะผมมีเครื่องจับเท็จอยู่ในมือ..หึ.”
ซาวีน่าเอ่ยด้วยสีหน้าดุดันเล็กน้อยซึ่งอีกฝ่ายแค่ยกมุมปากนิดๆเท่านั้น



วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ประสาคนบ้านิยาย

ไม่ใช่คนเขียนหนังสือแบบละเมียดละไม ไม่มีคำบรรยายแบบจับจิตซ่านทรวงแบบใครๆ อัพนิยายก็ตามอารมณ์ตัวเอง แม้แต่บทพระเอกก็เอาแต่ใจสุดๆ นางเอกไม่ค่อยมีบทบาทสักเท่าไหร่ แทบจะกลายเป็นตัวประกอบไปเลยก็ว่าได้ เว้นก็แต่นางร้ายที่ร้ายสูสีกับพระเอก หรือไม่ก็เด่นซะ...ดิฉันเป็นคนแบบนั้นจริงๆค่ะ เอาแต่ใจตัวเองมากๆ 

เอิ่ม แต่อยู่ในกรอบของตัวเองนะ ไม่ชอบเบียดเบียนใคร และไม่ชอบให้ใครมาเบียดเบียนเช่นกัน รักความยุติธรรมในมุมของความถูกต้องมากกว่าเห็นแก่ญาติๆหรือสายสัมพันธ์      อืมม..บอกมาทั้งหมดไม่ได้อยากจะลงสมัคร สส. แค่อยากบอกเล่าค่ะ พอดีอ่านนิยายของนักขียนคนโปรด และสังเกตเห็นความพยายามจะสื่อของพวกท่านทั้งหลาย เชื่อแล้วว่านักเขียนที่เป็นมือโปรมักจะออกหนังสือแบบปีละเล่มหรือไม่ก็สองสามปีเล่ม ซึ่งมันน้อยมากกับความต้องการของรีดเดอร์ที่รอเสพอย่างใจจดใจจ่อ 

     ส่วนในมุมนิยายของดิฉันเองนั้น ชอบเขียนแบบว่าเร่งให้จบเร็วๆอยากรู้ตอนจบว่ามันจะเป็นไง และจะได้มีเวลาไปทำอย่างอื่นต่อค่ะ ชีวิตรีบเร่งแบบปกติ... 

















         แต่นิยายของดิฉันจบแบบความสุขทุกเรื่องจริงๆ อยากมีความสุขกับการอ่านมากกว่าอยากร้องไห้ พระเอกของดิฉันก็ต้องรักนางเอกคนเดียว ต่อให้นางงี่เง่าขนาดไหนก็เถอะ นะ ยอมเป็นทาสเพราะรัก ว่ากันว่านักเขียนนิยายมักบำบัดจิตตัวเองด้วยการเขียนในสิ่งที่ตรงข้ามกับชีวิตจริง อันนี้ไม่แน่ใจซะแล้วว่าใครเป็นทาสใครกันแน่? อิอิ..

     นั่นก็ช่างมันเถอะค่ะ ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำก็พอค่ะ ดังนั้นใครที่แวะเข้ามาอ่านในบล็อกดิฉันคงต้องลำบากหน่อยกับการเรียบเรียงบทความแต่ละตอนที่ไม่ได้ต่อเนื่องกันนัก แค่อยากให้เสพพอแก้เบื่อนี่คะ 


วันเสาร์ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

Ando Midora Drome


Ando  Midora  Drome
Aston King Hotel
ตอนแรก เซเรสกะว่าจะรอจนซาวีน่ากลับมาที่นี่ แต่พอเวลาผ่านไปค่อนชั่วโมงแล้ว หญิงสาวก็เริ่มกังวล เธอเป็นห่วงซาวีน่ามากขึ้นแม้ว่าเขาจะเป็นนักรบที่ค่อนข้างเก่งกาจก็เถอะ แต่ในสภาพอากาศที่หนาวเหน็บแบบนี้ไม่แน่ว่าซาวีน่าจะเสียท่าตาแก่นั่นง่ายๆ
เซเรส อดจะกังวลไม่ได้ นั่งมองหิมะหนาเตอะจากด้านนอกนั้นได้แค่ไม่นานหญิงสาวก็ตัดสินใจหยิบเสื้อโค้ทมาสวมและตามซาวีน่าไปอย่างรีบเร่ง เธอกลัวว่าจะมีอะไรแย่ๆเกิดขึ้นในแอสตัน คิงส์โฮเทลนั่นและโดยเฉพาะกับซาวีน่า มนุษย์จากไมดอร่าคนเดียวที่เธอมีมาในชีวิตบนดาวเคราะห์ที่เรียกว่าโลกดวงนี้
ไม่มีใครสนใจเรื่องของมนุษย์ต่างดาว และเซเรสก็เคยคิดอย่างนั้นเหมือนกัน มันเหมือนความฝันมากกว่าที่เธอต้องมารับรู้เรื่องราวต่างๆในชีวิตของตัวเองแบบไม่คาดฝัน  สมองของหญิงสาวเลื่อนไปไกลเมื่อร่างกายออกมาปะทะกับความหนาวเหน็บจากด้านนอกนี่ ร่างบางใต้เสื้อโค้ทตัวหนาจำต้องรีบกระชับเสื้อคลุมให้แน่นเข้าอย่างไม่รู้ตัว
สายตาทอดมองไปตามถนนที่เกลื่อนไปด้วยหิมะ ไม่มีแม้แต่ร่องรอยฝีเท้าของซาวีน่า นั่นเป็นเพราะหิมะที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย มันกลบเกลื่อนทุกอย่างจนแทบไม่เห็นอะไรนอกจากสีขาวของหิมะ ในใจกังวลได้ก็เท่านั้น หญิงสาวเร่งฝีเท้าตรงออกจากตรอกแคบๆแห่งนี้มุ่งไปยังแอสตัน คิงส์โฮเทลที่อยู่ไม่ไกลนั่น 
ละแวกแถวนี้ไม่มีโรงแรมใดๆที่จะหาข่าวได้ง่าย นอกจากแอสตัน คิงส์โฮเทล ที่นี่มีครบทุกอย่างศูนย์รวม แหล่ง ช้อปปิ้งและโรงแรม โรงหนังแหล่งความบันเทิงทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น ไน้ท์คลับ ชั้นสูงที่กลุ่มคนมีตังค์ทั้งหลายชอบมาสุมหัวกันที่นี่ หรือแม้แต่แหล่งปล่อยสารเสพติด หรือแม้แต่กลุ่มก่อการร้ายที่มักจะพากันมากบดานที่นี่ พวกมันกลมกลืนด้วยการทำตัวเป็นพวกเศรษฐีเงินหนานั่น จนกลายเป็นกับดักสำหรับนักขุดทองทั้งหลายที่ชอบคิดว่าชีวิตได้อะไรมาง่ายๆ
เซเรส เดินไปพลางกวาดสายตาไปพลางเธอยัดกระบอกปืนพกขนาดเล็กกับซอกเอวไว้ไม่ลืมที่จะยิ้มให้กับยามรักษาความปลอดภัยของโรงแรมแห่งนี้ด้วยความเคยชิน แน่นอน เธอมาทำงานที่คลับนั่นหลายสัปดาห์มาแล้ว
เพื่อตามหาข่าวที่เดวิด ชาง  แซมสัน สั่งให้ซาวีน่าทำนั่นและเซเรสต้องตามติดคู่หูมาตลอดหลายเดือนมาแล้วกับการตามหาคนแปลกหน้าให้กับเดวิด ชาง แซมสัน คนแปลกหน้าที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เซเรสพบว่า เธอไม่เคยไว้ใจตาแก่คนนี้เลยสักนิด หากแต่เหตุผลทั้งหมดทำให้เธอไม่กล้าแม้แต่จะเอ่ยปากคัดค้านออกไป ได้แต่ทำตามที่ตาแก่คนนี้สั่ง
เดวิด ชาง แซมสัน คนยุโรปที่เบื้องหน้านั้นเป็นแค่นักธุรกิจที่สนใจการลงทุนในกลุ่มพลังงานและอสังหาริมทรัพย์หลายอย่างในโลกนี้ เขาเก่งเรื่องการจัดการทำให้สร้างมูลค่าให้กับทรัพย์สินของตัวเองให้ทวีมูลค่าได้มากมายมหาศาลในช่วงเวลาแค่ไม่นานที่เซเรสรู้จัก ตาแก่คนนี้ช่างเป็นบุคคลอันตรายสำหรับใครก็ตามที่คิดจะเป็นศัตรูของเขา
ทำไมเซเรสรู้เรื่องนี้..หญิงสาวมาจากไมดอร่า เป็นโลกอีกใบที่เธอไม่รู้มาก่อนว่ามันมีจริงจนกระทั่งเจอกับเดวิด หมอนี่มีข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับเธอและซาวีน่า เพราะเดวิดเองก็ใช่คนที่มาจากไมดอร่าเช่นกัน เขาตั้งรกรากที่นี่เมื่อหลายสิบปีมาแล้วด้วยวัยที่คาดเดานั่นเซเรสแน่ใจว่าเดวิดอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี
แน่นอน เขาต้องอำพรางกายเก่งมากสำหรับมนุษย์บนโลกนี้ด้วยภาพลักษณ์ของชายหนุ่มวัยไม่เกินสามสิบตอนปลาย หน้าตาหล่อเหลามาดนักธุรกิจและแววตาฉลาดคมกริบที่มักทำให้คนที่เผลอสบตาต้องรีบหลบ ชาวไมดอร่ามีลักษณะพิเศษที่คนบนโลกนี้ไม่มีทางเข้าใจแน่เซเรสอ่านใจคนได้..และเดวิดเป็นชาวไมดอร่าที่เธอไม่อาจจะอ่านสิ่งที่อยู่ในหัวเขานั่น หากแต่บางอย่างก็บอกเธอว่า เดวิดไม่ได้ต้องการแค่การเป็นมนุษย์บนโลกนี้เท่านั้น ดูเหมือนเขาจะพยายามทำอะไรได้มากกว่าการเป็นนักธุรกิจที่เก่งกาจหลายสิบเท่า
สองเดือนก่อนเขาปล่อยให้ตัวเองเป็นข่าวกับการวิจัยยารักษาโรคบางอย่าง และมันประสบความสำเร็จทีเดียว ทำให้เขาโด่งดังไปทั่วโลกในฐานะนักธุรกิจที่ให้เงินทุนกับนักวิจัยเกี่ยวกับการรักษาสายพันธุ์มนุษย์ให้แข็งแกร่งมากขึ้นมีสารอาหารสำหรับมนุษย์ที่พร้อมจะเพิ่มความฉลาดเฉลียวให้กับทารกในครรภ์หรือแม้แต่เด็กที่เพิ่งกำเนิด
การฉีดวัคซีนบางอย่างนั่นมันช่วยให้กลุ่มคนที่อยู่ชั้นระดับเศรษฐีต่างตื่นตัวกันมากทีเดียว ราคาวัคซีนพุ่งไปชนเพดานทำให้ตลาดหุ้นพุ่งพรวดทะลุแนวต้านจนราคาหุ้นในบริษัทของเดวิด ชาง แซมสันนั้น เป็นที่ต้องการของนักลงทุนทั่วโลกเลยทีเดียว
แต่นี่ไม่ใช่งานที่เซเรสกับซาวีน่าจะต้องสนใจ เธอต้องตามหาซาวีน่าให้เจอก่อน
“เฮ้..สาวน้อย นั่นคุณกำลังจะไปไหน?..วันนี้คุณหยุดงานนะที่รักผมจำได้ หรือว่าคุณมีเดตกับหนุ่มๆแถวนี้..เซเรสซี่ที่รัก”
เสียงทักมาจากตรงประตูทางเข้าไปยังร้านอาหารที่อยู่ด้านซ้ายมือ เซเรสหันไปสบตาคนที่ทักเธอนั่น เอียน  เวลสัน พนักงานร้านอาหารที่เซเรส มารับจ๊อบอยู่นั่นเอง
“หวัดดี เอียน ฉันมีธุระ เห็นซาวีน่ามาทางนี้หรือเปล่า?”
“หึ..หมอนั่นมันทำอะไรของมันล่ะเซเรสซี่ ผมเห็นมันไปชั้นสอง ที่นั่นมีแต่พวกนักพนัน หวังว่าแฟนคุณจะไม่ติดการพนันนะ ไม่งั้นคุณน่าจะหาแฟนใหม่..ผมรอคิวอยู่นะ”
หนุ่มเลือดอังกฤษหลิ่วตาให้เธอเล็กน้อยก่อนจะผละไป หญิงสาวรีบสาวเท้าเร็วไปยังชั้นบนอย่างไม่รั้งรอ แต่เหมือนว่าจะช้าไปแล้ว เมื่อเก้าอี้ตัวหนึ่งพุ่งมาที่เธออย่างแรง แต่เซเรสผงะหลบมันได้ทันแบบฉิวเฉียด กวาดสายตาไปที่กลางห้องใหญ่ที่เป็นคาสิโนขนาดย่อมนี่ ผู้คนกำลังตื่นตะลึงแหวกตัวหนีจากวงต่อสู้ของคนแปลกหน้าสองคนที่กำลังสาวหมัดใส่กันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“ซาวีน่า!!”หญิงสาวตะโกนชื่อนี้ทำให้ร่างสูงของคู่หูชะงักกึกและนี่มันเป็นการพลาดอย่างมหันต์ ที่เซเรสได้ทำลงไปอีกครั้งกับคู่หูของเธอ ซาวีน่าโดนกำปั้นของคนแปลกหน้ากระแทกเข้าที่กรามอย่างแรงจนแทบทรุดลงกับพื้นที่เย็นเฉียบนั่น เสียงเอะอะของคนแปลกหน้าหลายคนกำลังพุ่งมาที่นี่
“หนีก่อน!
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาเป็นภาษารัสเซีย ทำให้เซเรสพุ่งตัวมาที่ชายหนุ่มแต่ยามนี้ซาวีน่าตั้งหลักได้แล้วเขาพลิกกายหนารัดคอคนแปลกหน้าที่เคราหนาเฟิ้มนี่ไว้แน่นก่อนจะลากร่างสูงของชายแปลกหน้าคนนี้ให้เคลื่อนตัวตามกลุ่มนักพนันที่กำลังจะพยายามหนีเอาตัวรอด
ประตูทางเข้าแน่นหนาไปด้วยกลุ่มคนที่พยายามแทรกตัวหาทางออกจากห้องใหญ่นี้ แต่บอดี้การ์ด ร่างยักษ์ของแอสตัน คิงส์ โฮเทลกำลังล้อมกรอบพวกคนเหล่านี้ไว้ เสียงปืนดังลั่นขึ้นสู่เพดานที่ทำด้วยอิฐสีแดงทึบมันทอประกายจากลูกกระสุนที่กระทบของแข็งนั่นเกิดประกายแปลบปลาบหลายครั้ง ทำให้คนที่กำลังจะหาทางออกถึงกับพุ่งตัวหลบแบบระนาบกับพื้นด้วยความรักตัวกลัวตาย
เซเรส ผลักร่างหนาของคู่หูกับคนแปลกหน้าลงกับพื้นตามที่ฝูงชนเหล่านั้นกำลังทำกันนั่น
“ฉันจะถ่วงเวลาไว้ ซาวีน่า นายไปที่ประตูลงไปด้านหลัง ไปลานจอดรถช่องบีหก ที่นั่นมีทางลับออกไปที่ถนน Eesonos ลอดอุโมงค์ไปที่สถานีรถไฟ”
“แต่ฉันต้องเจรจากับตาลุงนี่ก่อนนะเซเรส”
ซาวีน่ากระซิบสวนออกไปขณะที่ตาลุงที่เขา ล็อกคออยู่นั้นกำลังทำท่ารำคาญเต็มที
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนายวะ ไอ้หนู ฉันมาเล่นพนันนะเว้ย”
คนเป็นลุงสวนคำอย่างหงุดหงิด แต่ซาวีน่าอาศัยความได้เปรียบในความแข็งแกร่งรัดร่างคนแปลกหน้าไว้แน่น แสยะยิ้มให้ในระยะประชิด
“ผมมีคำถามแค่ไม่กี่คำ ลุงก็แค่ตอบ “
“ก็ถามมาสิวะ! นี่ ไอ้หนู ฉันหายใจไม่ออกนะ ปล่อยสิวะ”
เซเรสส่ายหน้าไปมาด้วยความรำคาญ เห็นบอดี้การ์ดหน้าเหี้ยมหลายคนกำลังกวาดสายตามาทางนี้ หลายคนหลบหน้าหลบตาเพื่อไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ เซเรสคิดว่าหลายคนในที่นี้มากกว่าแปดสิบเป็นอาชญากรระดับหัวกะทิ ที่ทางรัฐบาลต้องการตัวสุดๆ
“นับสาม ซาวีน่า ฉันจะดับไฟบนเพดาน นายไปได้ ตกลงนะ”
ซาวีน่าอ้าปากตาค้างเมื่อจู่ๆไฟดวงใหญ่บนเพดานนั้นหล่นวูบลงมาด้วยพลังบางอย่างเสียงกรีดร้องของนักเสี่ยงโชคดังเอะอะพร้อมกับเสียงบอดี้การ์ดของแอสตัน คิงส์กำลังปฏิบัติหน้าที่รวบนักพนันไว้เท่าที่จะทำได้ เซเรสเลื่อนสายตาฝ่าความมืดไปนัยน์ตาสีดำขลับกลับกลายเป็นแสงเรืองรองมองเห็นในความมืดชัดเจน หญิงสาวเลื่อนตัวออกจากห้องนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่เธอไม่เห็นซาวีน่ากับชายแก่คนนั้นแล้วนี่สิ
หวังว่าพวกเขาจะทำตามที่เธอสั่ง เซเรสสาวเท้าไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ลงไปยังลานจอดรถชั้นล่างกวาดสายตามองไปที่ช่องทางที่ต้องการ เธอสำรวจโรงแรมแห่งนี้ไว้หมดแล้วตั้งแต่สองวันแรกที่ต้องมาที่นี่ งานของซาวีน่า มันทำให้เธอเริ่มเบื่อมากขึ้นทุกทีแล้ว หญิงสาวคิดในใจ
“หยุด! คุณผู้หญิง..”
เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลังทำให้เซเรสใจหายวูบไปหลายตลบเธอเผลอกุมปืนพกที่ซอกเอวอย่างลืมตัว
“ค่อยๆหันมาช้าๆ ยกมือเหนือศีรษะ...”
คำสั่งคนแปลกหน้าทำให้เซเรสจำใจต้องทำตามค่อยๆหันมาที่คนแปลกหน้าซึ่งกำลังคุกคามเธอด้วยปืนในมือและ ไฟฉายที่สาดมาปะทะดวงหน้าหญิงสาวจนนัยน์ตาสีดำขลับของเธอกลายสีไปมา
“ให้ตาย..นี่เธอมาทำอะไรที่นี่เซเรส..”
“เอ่อ..คุณ โทมัสกี้ ฉันหยุดงานค่ะ เลยมาเสี่ยงโชคนิดหน่อย แต่โชคไม่ดีเลย ข้างบนมีการต่อสู้กันของกลุ่มนักเสี่ยงโชค ฉันไม่อยากโดนจับสอบสวนเลยแอบลงมาก่อน..ไฟมันดับมืดไปหมดแล้ว ฉัน..อยากจะกลับไปนอนพักก่อน พรุ่งนี้ฉันต้องทำงานแต่เช้า”
หญิงสาวตอบพลางหรี่ตาหนีแสงไฟจากกระบอกไฟฉายของยามรักษาความปลอดภัยที่ดูแล้วหมอนี่คุ้นหน้าเธอดี
“เอาล่ะ ๆ กลับไปนอนซะสาวน้อย เธอทำให้ฉันเกือบยิงหัวเธอแล้วนะนั่น ไปได้แล้ว อย่าคิดเล่นการพนันอีกล่ะ เงินเดือนก็แทบจะไม่พอกินอยู่แล้วนี่”
โบกมือไล่พลางเดินไปอีกทาง ทำให้เซเรสถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ หญิงสาวก้าวเร็วไปตามช่องทางที่คิดว่าซาวีน่าคงไปรอที่สถานีรถไฟแล้ว ป่านนี้ ไม่แน่ว่าเขาจะซัดกับตาแก่นั่นอีกรอบ..อดจะขมวดคิ้วไม่ได้ เซเรสคิดว่าซาวีน่าตามผิดคนแล้วแน่ๆ ตาแก่นั่นไม่มีส่วนใดเหมือนคนในภาพที่เดวิด ชาง แซมสันให้มาเลยสักนิดเดียว อะไรทำให้ซาวีน่าแน่ใจขนาดนั้นล่ะเธอคิดด้วยความไม่เข้าใจ หยิบมือถือขึ้นมาอีกครั้งเลื่อนจอมองดูข้อมูลเป้าหมายอีกที
ซีล สไน้ส์ พยัคฆ์ สิงหราช ชายวัยสี่สิบต้นๆดวงหน้าหล่อเหลาแบบลูกครึ่ง สัญชาติอเมริกัน แม่เป็นอเมริกัน พ่อเป็นชาวไทย อดีตสายลับฝีมือดีที่หายตัวออกจากวงการมานานนับสิบปี เขาหายไปพร้อมกับข้อมูลบางอย่างที่เดวิด ชาง แซมสัน ต้องการมันกลับคืน ข้อมูลลับสุดยอด!! ข้อมูลลับที่แม้แต่เซเรส ก็อยากจะรู้เช่นกัน...มันทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ไงล่ะ..