เสียงอึกทึกบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกประตูนั่นปลุกให้ทุกคนผุดลุกอย่างรวดเร็ว
ซาวีน่าหยิบปืนพกของเขายัดคืนซอกเอวเลื่อนเสื้อแจ็คเก็ตคลุมไว้ก่อนจะสบตากับคนสูงวัยกว่าที่ยามนี้ยืนอยู่ที่ประตูแนบสายตากับช่องเล็กๆตรงขอบด้านบน
ซาวีน่านึกสงสัยอยู่นานว่าทำไมประตูของรถไฟหัวจรวดรุ่นนี้ถึงต้องมีช่องตาแมวเล็กๆเหมือนในอาพาร์ทเม้น
ที่เขากับเซเรสเคยผ่านทางและพักมันหลายแห่ง มักเป็นแบบนี้
ทั้งที่ยุคนี้โลกไปถึงไหนแล้วทุกที่มักจะมีห้องควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าการส่องดูคนภายนอกด้วยช่องตาแมวแบบนี้
“คนของเดวิดแน่..ให้ตายสิ
มันขึ้นรถไฟเที่ยวเดียวกับเราได้ยังไง ในเมื่อ...”
“เปล่านะลุงผมไม่ได้ใช้มือถือหรือโทรศัพท์สาธารณะสักอย่าง..”ซาวีน่ารีบสั่นหน้าปฏิเสธเสียงห้วนจัด
“ฉันแค่หยอดเหรียญเอาแซนด์วิชมาสี่ชิ้น..จากตู้กดหน้าสถานีนั่น”
เซเรสบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง
ซีล สไน้ส์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของเขาพลางสบถออกมาจนได้
“อีกสิบนาทีจะถึงที่หมาย
เราอาจจะต้องแยกกัน เอาล่ะ ถ้าหากว่าเราต้องแยกกันหนี...นี่คือจุดนัดพบ..”
“หมายความว่าไงลุง?..”
“นายคงไม่อยากหนีพวกเดวิดตลอดไปหรอกใช่ไหมไอ้หนู
และฉันต้องไปตามแผนเดิมของฉันตามหา ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานี ถ้าหาตัวหมอนี่เจอ ฉันจะได้คำตอบที่ฉันแน่ใจว่าเพราะอะไรเดวิดแซมสันถึงอยากได้ตัวฉันนัก
ฉันไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยอย่างที่พวกมันต้องการซะหน่อย”
ซาวีน่ากับเซเรสสบตากันแวบหนึ่ง
“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะลุง
หนีพวกนี้ แล้วไปค้นหาตัว ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานีเพื่อ??..”
สีหน้าของซีล
สไน้ส์ทอประกายรำคาญออกมา
ร่างสูงของชายหนุ่มร่างใหญ่คนนี้ก้าวมาใกล้ซาวีน่ากระแทกบางอย่างให้ชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยสีหน้ากระด้างจัด
“นี่เป็นเงินที่ฉันเพิ่งได้มาจาก
ดิคาร์ปิโอ เมื่อวานก่อน มันอาจจะช่วยให้เธอสองคนรอดตายไปจนถึงคาชมาร์
หางานทำที่เมืองนั่นสักพัก แล้วก็เก็บเงินเพื่อเดินทางกลับบ้าน เราแยกกันตรงนี้แล้วกันไอ้หนู โชคดีล่ะ”
ร่างหนาของซีล
สไน้ส์นั้นผละไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ประตูถูกเปิดออกทิ้งให้เซเรสกับซาวีน่าสบตากันอยู่นาน
“มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่
เซเรส นี่ฉันเสียเวลากับการตามหาตาลุงนี่ตั้งกี่ปีมาแล้ว?..”
“ฉันไม่ได้นับซะด้วยสิ
ซาวีน่า แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราไปกับเขา
เผื่อบางที...”เซเรสทิ้งเสียงไว้ก่อนจะฉวยกระเป๋าสตางค์มาจากมือของเขาพลางกระตุกยิ้มจนนัยน์ตาทอประกายสดใส
“อย่างน้อยก็รอดไปอีกหลายมื้อล่ะฉันอาจจะหาทางช่วยเขาค้นหา
ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานีอะไรนั่นได้ง่ายกว่าให้เขาตามหาเองแบบนั้น”
“ใช่
เราอาจจะคิดถูก เพราะถ้าเจอเดวิดเข้าล่ะก็ มีหวังว่าเราอาจจะไม่รอด เธอรู้จักไอ้ ลูเธอร์ดีนี่นา..มันคงไม่ปล่อยเราไว้แน่ถ้าเป็นคำสั่งของเดวิดล่ะก็”
ความเงียบเกิดขึ้นกับรอบกายแค่สองวินาที
เซเรสเป็นฝ่ายก้าวไปก่อน ผลักประตูเลื่อนออกช้าๆก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเดินตามหลัง
บรรยากาศช่องทางเดินบนรถไฟนั่นกำลังว่างเปล่า ช่องกั้นทางเดินมันปิดสนิท และซีล
สไน้ส์หายไปด้านไหนก็ไม่รู้สิ เซเรสกัดปากตัวเองอย่างรำคาญ
ก่อนจะเลือกทางขวามือสาวเท้าไปจนถึงประตูที่เชื่อมต่อกับอีกตู้นอนถัดไปนั่น
“ลูเธอร์!!”
ซาวีน่าอุทานออกมาก่อนจะผลักร่างหญิงสาวจนเซเรสนั้นถลาไปตามแรงผลักร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวหนานั้นไถลไปกับพื้นเย็นชืด
กระแทกกับเสากลางนั่นจนหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เงยหน้ามองหาซาวีน่าก็พบว่าร่างหนาของชายหนุ่มกำลังถูกชายร่างหนาแกร่งนั้นจับกระชับที่ลำคอ
มันปลายตามองมาที่เซเรสด้วยความปราศจากการลังเลที่จะหักคอชายหนุ่มให้ตายคาฝ่ามือ
พลั่ก!! ซาวีน่ากระแทกเข่าของเขากับระหว่างขาสองข้างของมัน
จนมือของมันหลุดจากลำคอของเขา เขาหน้าแดงก่ำไปหลายวินาที
ไอโขลกๆก่อนจะเซไม่เป็นท่า หางตาเห็น ลูเธอร์ ราล์ฟไอ้ปีศาจอัปลักษณ์คนนี้
กำลังเลื่อนมือไปแตะที่ปืนของมัน
เขาผุดลุกอย่างรวดเร็วซัดหมัดลุ่นๆไปที่ใบหน้าของมัน
พลั่ก! อีกครั้งที่เซเรสแทบอยากจะหลับตาหนีภาพที่น่าหวาดเสียวนั่นเสียเมื่อซาวีน่ากลับกลายเป็นฝ่ายโดนหมัดที่สวนมาเสียเอง
ร่างหนาของชายหนุ่มกระเด็นกระดอนตามแรงหมัด
แม้ว่าเขาจะพยายามหลบเลี่ยงเต็มที่แล้วก็ตาม
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!!
เดวิดสั่งกำจัดเรารึไง?เราทำอะไรผิดวะ”
ได้ยินเสียงตะโกนใส่หน้าหมอนั่นท่าทีซาวีน่าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว
เมื่อคิดว่าจะหลบจากตรงนี้ไปนั้นคงไม่ง่าย
ลูเธอร์แสยะยิ้มจนเห็นฟันขาววับวาวของมัน
ทำให้ซาวีน่าถึงกับสบถเสียงก่นด่าในลำคอของเขาอีกหลายคำ
shit!! มันมีเขี้ยวงอกขึ้นมาบนมุมปากตั้งแต่เมื่อไหร่?
จำได้ว่าเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้วก่อนย้ายมาประจำที่มอสโกนั่น ซาวีน่าคิดว่า
ลูเธอร์นั้นน่าเกลียดกว่านี้หลายเท่า
มันไปเอาเขี้ยวมาจากไหน?..เขารวบรวมกำลังใส่ฝ่ามือก่อนจะเดินหน้าใส่อีกครั้ง
ลูเธอร์ ราล์ฟ
ไม่ได้เป็นแค่สมุนมือดีของเดวิดเท่านั้นกระมัง
ตอนนี้นัยน์ตาสีดำก่ำของมันปราศจากแววรับรู้ใดๆ นอกจากความกระหายเลือดในการต่อสู้
ใช่..มันคงคิดว่าเขาเป็นหมู..ซาวีน่าอดจะยกมุมปากยิ้มเหี้ยมเกรียมไม่ได้
เขากระแทกหมัดใส่ร่างหนาพลางหลบหลีกด้วยพลังที่มีนั่น
เสรียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะก่อนที่เซเรสนั้นจะเลื่อนประตูบานที่เชื่อต่อนั่นได้
หญิงสาวหันไปที่ซาวีน่าอีกครั้ง
“มันมาทั้งสองฝั่งเลยซาวีน่าเราต้องแยกกันแล้ว”
“หาทางออกให้ได้เซเรส
ไปเจอกันที่พิกัดเดิม”
ซาวีน่าตะโกนพลางถอยร่นไม่เป็นท่าเมื่อโดน
ลูเธอร์ ตามถลุงราว สองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่..ลูเธอร์ได้ปืนแล้วยามนี้
เมื่อซาวีน่านั้น ตั้งตัวได้อีกครั้ง เขาเลื่อนสายตาไปที่โถงทางเดิน
เซเรสหายไปแล้ว
เขายกหลังมือปาดมุมปากที่ได้เลือดมาเป็นของแถมนั่นด้วยความฉุนเฉียวไม่น้อย
กลิ่นคาวเลือดทำให้ ลูเธอร์ ราล์ฟนั้นแสยะยิ้มมากกว่าเดิมนัยน์ตาทอประกายกระหายมากขึ้น
รอยยิ้มของมันแสนจะอัปลักษณ์ ผิวดำเลื่อมกับฟันที่ขาววับ
มีเขี้ยวตรงมุมปากสองข้างราวกับแวมไพร์..นี่มันต้องไปตัดแต่งพันธุกรรมมาแน่..แต่..เดวิดทำแบบนี้เพื่ออะไร?..เขายังอดจะสงสัยไม่ได้กับสิ่งที่ซีล
สไน้ส์บอกเล่ามานั่น
“แกไม่ควรมองหน้าฉันแบบนี้นะ
ลูเธอร์ ฉันไม่ใช่อาหารนะโว้ย!”เขาเอ่ยออกไปด้วยความขุ่นเคือง
เจ็บปากจนต้องใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเบาๆ ได้สัมผัสถึงเลือดเค็มๆ เขาเลื่อนฝ่ามือออกกางอีกครั้ง
ประจุไฟฟ้าส่งกระแสแล่นปลาบแปลบพอให้แน่ใจว่าพลังไมดอร่าของเขาจะยังไม่มีทางหมดง่ายๆแน่
ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพุ่งตัวใส่ ลูเธอร์ก่อน
เมื่อเบื้องหลังช่องโถงทางเดินที่เขาถอยร่นมานั้นกำลังเจอกับกองทัพของลูเลอร์
ไอ้พวกที่ติดตามเขามาจากมอสโกนั่นเอง เขาคงต้องรีบเผ่นจากที่นี่ก่อน
สิบต่อหนึ่งก็คงไหวอยู่ แต่ลุเธอร์ ราล์ฟ นี่สิ..มันเหมือนปีศาจชัดๆ
เขาจะปล่อยให้มันยืดเยื้ออีกได้ไม่แน่
ชายหนุ่มกระแทกพลังไมดอร่าผ่านกำปั้นของเขาพุ่งใส่กระแทกกับข้างกระบอกหูของมันอย่างแรงก่อนจะพุ่งไปที่หน้าประตูอีกฝั่งหนึ่ง
เสียงปืนระเบิดลั่นขึ้นหลายนัดติดๆกัน ตามหลังเขา
แต่ซาวีน่านั้นแทบไม่มีเวลาฟังหรือหันไปมอง
เมื่อต้องรับมือกับลูกสมุนของมันที่รออยู่นั่นอีกสี่ห้าคนที่รออยู่หลังประตูอีกด้านหนึ่ง
เขาสบถในลำคออีกหลายคำกว่าจะยกปลายเท้ากระแทกใส่ร่างไอ้พวกลูกระจ๊อกนั่น
ถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย
พลางเร่งฝีเท้า กลายเป็นวิ่ง รถไฟหัวจรวดกำลังลดความเร็วลงทีละนิด
เป้าหมายคือสถานีของเมืองคาร์ชมาร์
ซาวีน่าไม่ต้องรอให้มันจอดสนิทดีนัก
เขาแทบจะกระโดดลงจากรถไฟนี่เมื่อเห็นจากหางตาว่า
พวกคนแปลกหน้าเหล่านั้นยังคงตามติดประชิดตัวเขาไม่เลิกเสียที
พลางเร่งฝีเท้า กลายเป็นวิ่ง รถไฟหัวจรวดกำลังลดความเร็วลงทีละนิด
เป้าหมายคือสถานีของเมืองคาร์ชมาร์
ซาวีน่าไม่ต้องรอให้มันจอดสนิทดีนัก
เขาแทบจะกระโดดลงจากรถไฟนี่เมื่อเห็นจากหางตาว่า
พวกคนแปลกหน้าเหล่านั้นยังคงตามติดประชิดตัวเขาไม่เลิกเสียที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น