พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ANDO DROME

เสียงอึกทึกบางอย่างที่เคลื่อนไหวอยู่ด้านนอกประตูนั่นปลุกให้ทุกคนผุดลุกอย่างรวดเร็ว ซาวีน่าหยิบปืนพกของเขายัดคืนซอกเอวเลื่อนเสื้อแจ็คเก็ตคลุมไว้ก่อนจะสบตากับคนสูงวัยกว่าที่ยามนี้ยืนอยู่ที่ประตูแนบสายตากับช่องเล็กๆตรงขอบด้านบน ซาวีน่านึกสงสัยอยู่นานว่าทำไมประตูของรถไฟหัวจรวดรุ่นนี้ถึงต้องมีช่องตาแมวเล็กๆเหมือนในอาพาร์ทเม้น ที่เขากับเซเรสเคยผ่านทางและพักมันหลายแห่ง มักเป็นแบบนี้ ทั้งที่ยุคนี้โลกไปถึงไหนแล้วทุกที่มักจะมีห้องควบคุมด้วยระบบคอมพิวเตอร์มากกว่าการส่องดูคนภายนอกด้วยช่องตาแมวแบบนี้
“คนของเดวิดแน่..ให้ตายสิ มันขึ้นรถไฟเที่ยวเดียวกับเราได้ยังไง ในเมื่อ...”
“เปล่านะลุงผมไม่ได้ใช้มือถือหรือโทรศัพท์สาธารณะสักอย่าง..”ซาวีน่ารีบสั่นหน้าปฏิเสธเสียงห้วนจัด
“ฉันแค่หยอดเหรียญเอาแซนด์วิชมาสี่ชิ้น..จากตู้กดหน้าสถานีนั่น” เซเรสบอกด้วยสีหน้าราบเรียบ
ความเงียบเกิดขึ้นอีกครั้ง ซีล สไน้ส์ก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือของเขาพลางสบถออกมาจนได้
“อีกสิบนาทีจะถึงที่หมาย เราอาจจะต้องแยกกัน เอาล่ะ ถ้าหากว่าเราต้องแยกกันหนี...นี่คือจุดนัดพบ..”
“หมายความว่าไงลุง?..”
“นายคงไม่อยากหนีพวกเดวิดตลอดไปหรอกใช่ไหมไอ้หนู และฉันต้องไปตามแผนเดิมของฉันตามหา ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานี ถ้าหาตัวหมอนี่เจอ ฉันจะได้คำตอบที่ฉันแน่ใจว่าเพราะอะไรเดวิดแซมสันถึงอยากได้ตัวฉันนัก ฉันไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์หรือนักวิจัยอย่างที่พวกมันต้องการซะหน่อย”
ซาวีน่ากับเซเรสสบตากันแวบหนึ่ง
“ผมยังไม่เข้าใจอยู่ดีนะลุง หนีพวกนี้ แล้วไปค้นหาตัว ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานีเพื่อ??..”
สีหน้าของซีล สไน้ส์ทอประกายรำคาญออกมา ร่างสูงของชายหนุ่มร่างใหญ่คนนี้ก้าวมาใกล้ซาวีน่ากระแทกบางอย่างให้ชายหนุ่มรุ่นลูกด้วยสีหน้ากระด้างจัด
“นี่เป็นเงินที่ฉันเพิ่งได้มาจาก ดิคาร์ปิโอ เมื่อวานก่อน มันอาจจะช่วยให้เธอสองคนรอดตายไปจนถึงคาชมาร์ หางานทำที่เมืองนั่นสักพัก แล้วก็เก็บเงินเพื่อเดินทางกลับบ้าน  เราแยกกันตรงนี้แล้วกันไอ้หนู โชคดีล่ะ”
ร่างหนาของซีล สไน้ส์นั้นผละไปอย่างรวดเร็วทันทีที่ประตูถูกเปิดออกทิ้งให้เซเรสกับซาวีน่าสบตากันอยู่นาน
“มันไม่มีทางเป็นอย่างนั้นแน่ เซเรส นี่ฉันเสียเวลากับการตามหาตาลุงนี่ตั้งกี่ปีมาแล้ว?..”
“ฉันไม่ได้นับซะด้วยสิ ซาวีน่า แต่จะดีกว่าไหมถ้าเราไปกับเขา เผื่อบางที...”เซเรสทิ้งเสียงไว้ก่อนจะฉวยกระเป๋าสตางค์มาจากมือของเขาพลางกระตุกยิ้มจนนัยน์ตาทอประกายสดใส
“อย่างน้อยก็รอดไปอีกหลายมื้อล่ะฉันอาจจะหาทางช่วยเขาค้นหา ด็อกเตอร์ดัลลัส แมคคานีอะไรนั่นได้ง่ายกว่าให้เขาตามหาเองแบบนั้น”
“ใช่ เราอาจจะคิดถูก เพราะถ้าเจอเดวิดเข้าล่ะก็ มีหวังว่าเราอาจจะไม่รอด เธอรู้จักไอ้ ลูเธอร์ดีนี่นา..มันคงไม่ปล่อยเราไว้แน่ถ้าเป็นคำสั่งของเดวิดล่ะก็”
ความเงียบเกิดขึ้นกับรอบกายแค่สองวินาที เซเรสเป็นฝ่ายก้าวไปก่อน ผลักประตูเลื่อนออกช้าๆก่อนจะส่งสัญญาณให้ชายหนุ่มเดินตามหลัง บรรยากาศช่องทางเดินบนรถไฟนั่นกำลังว่างเปล่า ช่องกั้นทางเดินมันปิดสนิท และซีล สไน้ส์หายไปด้านไหนก็ไม่รู้สิ เซเรสกัดปากตัวเองอย่างรำคาญ ก่อนจะเลือกทางขวามือสาวเท้าไปจนถึงประตูที่เชื่อมต่อกับอีกตู้นอนถัดไปนั่น
“ลูเธอร์!!
ซาวีน่าอุทานออกมาก่อนจะผลักร่างหญิงสาวจนเซเรสนั้นถลาไปตามแรงผลักร่างบางในชุดเสื้อโค้ทตัวหนานั้นไถลไปกับพื้นเย็นชืด กระแทกกับเสากลางนั่นจนหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด เงยหน้ามองหาซาวีน่าก็พบว่าร่างหนาของชายหนุ่มกำลังถูกชายร่างหนาแกร่งนั้นจับกระชับที่ลำคอ มันปลายตามองมาที่เซเรสด้วยความปราศจากการลังเลที่จะหักคอชายหนุ่มให้ตายคาฝ่ามือ
พลั่ก!! ซาวีน่ากระแทกเข่าของเขากับระหว่างขาสองข้างของมัน จนมือของมันหลุดจากลำคอของเขา เขาหน้าแดงก่ำไปหลายวินาที ไอโขลกๆก่อนจะเซไม่เป็นท่า หางตาเห็น ลูเธอร์ ราล์ฟไอ้ปีศาจอัปลักษณ์คนนี้ กำลังเลื่อนมือไปแตะที่ปืนของมัน  เขาผุดลุกอย่างรวดเร็วซัดหมัดลุ่นๆไปที่ใบหน้าของมัน
พลั่ก! อีกครั้งที่เซเรสแทบอยากจะหลับตาหนีภาพที่น่าหวาดเสียวนั่นเสียเมื่อซาวีน่ากลับกลายเป็นฝ่ายโดนหมัดที่สวนมาเสียเอง ร่างหนาของชายหนุ่มกระเด็นกระดอนตามแรงหมัด แม้ว่าเขาจะพยายามหลบเลี่ยงเต็มที่แล้วก็ตาม
“ไอ้สารเลวเอ๊ย!!  เดวิดสั่งกำจัดเรารึไง?เราทำอะไรผิดวะ”
ได้ยินเสียงตะโกนใส่หน้าหมอนั่นท่าทีซาวีน่าเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาบ้างแล้ว เมื่อคิดว่าจะหลบจากตรงนี้ไปนั้นคงไม่ง่าย ลูเธอร์แสยะยิ้มจนเห็นฟันขาววับวาวของมัน ทำให้ซาวีน่าถึงกับสบถเสียงก่นด่าในลำคอของเขาอีกหลายคำ shit!! มันมีเขี้ยวงอกขึ้นมาบนมุมปากตั้งแต่เมื่อไหร่? จำได้ว่าเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อปีที่แล้วก่อนย้ายมาประจำที่มอสโกนั่น ซาวีน่าคิดว่า ลูเธอร์นั้นน่าเกลียดกว่านี้หลายเท่า มันไปเอาเขี้ยวมาจากไหน?..เขารวบรวมกำลังใส่ฝ่ามือก่อนจะเดินหน้าใส่อีกครั้ง
ลูเธอร์ ราล์ฟ ไม่ได้เป็นแค่สมุนมือดีของเดวิดเท่านั้นกระมัง ตอนนี้นัยน์ตาสีดำก่ำของมันปราศจากแววรับรู้ใดๆ นอกจากความกระหายเลือดในการต่อสู้ ใช่..มันคงคิดว่าเขาเป็นหมู..ซาวีน่าอดจะยกมุมปากยิ้มเหี้ยมเกรียมไม่ได้ เขากระแทกหมัดใส่ร่างหนาพลางหลบหลีกด้วยพลังที่มีนั่น เสรียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นเป็นจังหวะก่อนที่เซเรสนั้นจะเลื่อนประตูบานที่เชื่อต่อนั่นได้ หญิงสาวหันไปที่ซาวีน่าอีกครั้ง
“มันมาทั้งสองฝั่งเลยซาวีน่าเราต้องแยกกันแล้ว”
“หาทางออกให้ได้เซเรส ไปเจอกันที่พิกัดเดิม”
ซาวีน่าตะโกนพลางถอยร่นไม่เป็นท่าเมื่อโดน ลูเธอร์ ตามถลุงราว สองคนผลัดกันรุกผลัดกันรับ แต่..ลูเธอร์ได้ปืนแล้วยามนี้ เมื่อซาวีน่านั้น ตั้งตัวได้อีกครั้ง เขาเลื่อนสายตาไปที่โถงทางเดิน เซเรสหายไปแล้ว  เขายกหลังมือปาดมุมปากที่ได้เลือดมาเป็นของแถมนั่นด้วยความฉุนเฉียวไม่น้อย กลิ่นคาวเลือดทำให้ ลูเธอร์ ราล์ฟนั้นแสยะยิ้มมากกว่าเดิมนัยน์ตาทอประกายกระหายมากขึ้น รอยยิ้มของมันแสนจะอัปลักษณ์ ผิวดำเลื่อมกับฟันที่ขาววับ มีเขี้ยวตรงมุมปากสองข้างราวกับแวมไพร์..นี่มันต้องไปตัดแต่งพันธุกรรมมาแน่..แต่..เดวิดทำแบบนี้เพื่ออะไร?..เขายังอดจะสงสัยไม่ได้กับสิ่งที่ซีล สไน้ส์บอกเล่ามานั่น
“แกไม่ควรมองหน้าฉันแบบนี้นะ ลูเธอร์ ฉันไม่ใช่อาหารนะโว้ย!”เขาเอ่ยออกไปด้วยความขุ่นเคือง เจ็บปากจนต้องใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้มเบาๆ ได้สัมผัสถึงเลือดเค็มๆ  เขาเลื่อนฝ่ามือออกกางอีกครั้ง ประจุไฟฟ้าส่งกระแสแล่นปลาบแปลบพอให้แน่ใจว่าพลังไมดอร่าของเขาจะยังไม่มีทางหมดง่ายๆแน่ ชายหนุ่มเป็นฝ่ายพุ่งตัวใส่ ลูเธอร์ก่อน เมื่อเบื้องหลังช่องโถงทางเดินที่เขาถอยร่นมานั้นกำลังเจอกับกองทัพของลูเลอร์ ไอ้พวกที่ติดตามเขามาจากมอสโกนั่นเอง เขาคงต้องรีบเผ่นจากที่นี่ก่อน สิบต่อหนึ่งก็คงไหวอยู่ แต่ลุเธอร์ ราล์ฟ นี่สิ..มันเหมือนปีศาจชัดๆ เขาจะปล่อยให้มันยืดเยื้ออีกได้ไม่แน่
ชายหนุ่มกระแทกพลังไมดอร่าผ่านกำปั้นของเขาพุ่งใส่กระแทกกับข้างกระบอกหูของมันอย่างแรงก่อนจะพุ่งไปที่หน้าประตูอีกฝั่งหนึ่ง เสียงปืนระเบิดลั่นขึ้นหลายนัดติดๆกัน ตามหลังเขา แต่ซาวีน่านั้นแทบไม่มีเวลาฟังหรือหันไปมอง เมื่อต้องรับมือกับลูกสมุนของมันที่รออยู่นั่นอีกสี่ห้าคนที่รออยู่หลังประตูอีกด้านหนึ่ง
เขาสบถในลำคออีกหลายคำกว่าจะยกปลายเท้ากระแทกใส่ร่างไอ้พวกลูกระจ๊อกนั่น ถอนหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย 
พลางเร่งฝีเท้า กลายเป็นวิ่ง  รถไฟหัวจรวดกำลังลดความเร็วลงทีละนิด

 เป้าหมายคือสถานีของเมืองคาร์ชมาร์

 ซาวีน่าไม่ต้องรอให้มันจอดสนิทดีนัก

เขาแทบจะกระโดดลงจากรถไฟนี่เมื่อเห็นจากหางตาว่า

พวกคนแปลกหน้าเหล่านั้นยังคงตามติดประชิดตัวเขาไม่เลิกเสียที

 








วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559

ANDO DROME

MIDORA 3

ถนนที่เต็มไปด้วยพื้นน้ำที่ละลายจากหิมะด้านนอกนั้น มันซึมไหลเจิ่งไปตามพื้นในช่องทางเข้าไปยังซอกเล็กๆข้างทาง ด้านในอุโมงค์ทางรถไฟนั่น ทุกคนไม่ได้สนทนาอะไร ต่างคนต่างตกอยู่ในห้วงความคิดของตนเอง ยกเว้นก็แต่เซเรสที่เธอเริ่มเหนื่อยหลังจากออกแรงหนักๆกับการวิ่งมานับได้เกือบสี่สิบนาทีจนแน่ใจว่าคงหลบพวกนั้นได้แน่แล้ว  เหวี่ยงปลายเท้าใต้รองเท้าบูทหนานั้นปีนขึ้นไปบนทางเท้าจากช่องเล็กที่มีบันไดทำจากพื้นปูนหนาแสนจะสกปรก 

 หญิงสาวหันมารับฝ่ามือใหญ่ของซาวีน่าดึงร่างแกร่งของชายหนุ่มให้ขึ้นมายืนด้านบนได้ ซาวีน่าก็หันไปที่คนแปลกหน้าที่บังเอิญมาร่วมชะตากรรมด้วยนั่นส่งมือให้อีกฝ่าย ซึ่งเห็นชัดว่าซีล สไน้ส์นั้นชะงักกึกไปชั่วขณะก่อนจะจับมือของเขาโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก้าวมายืนด้านบนได้เซเรสก็เดินนำไปยังบันไดเล็กๆที่ทอดสู่บริเวณสถานีรถไฟฟ้านั่น
 ผลักประตูออกไปได้ก็เจอกับผู้คนมากมายที่เดินกันขวักไขว่ บ้างก็ยืนอยู่กับโทรศัพท์มือถือ เครื่องเล่นหรือไม่ก็ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าวกับการถ่ายภาพเซลฟี่ในบริเวณนี้ ซึ่งส่วนมากล้วนเป็นพวกสาวๆวัยรุ่นมากกว่า อาจจะเป็นนักท่องเที่ยว กลุ่มนักศึกษาที่มีโอกาสมาเที่ยวกรุงมอสโกยามที่อากาศหนาวจัดแบบนี้
“ฉันจะไปหาตั๋ว..พวกนายรอที่นี่นะ”
“อย่าฝันไปเลยลุง ผมไม่มีทางปล่อยให้ลุงรอดสายตาไปได้แน่”
ซาวีน่าก้าวมาประชิดตัวชายสูงวัยกว่าด้วยสีหน้าดุดัน
“นายไม่มีภารกิจแล้วนะไอ้หนู ทำตามที่ฉันสั่งซะ..ขอห้านาทีเดี๋ยวฉันมา”
อกแข็งแรงของซาวีน่าโดนฝ่ามือใหญ่ผลักเบาๆจนเซไปหาเซเรส ก่อนที่ร่างสูงของซีล สไน้ส์จะผละไปอย่างรวดเร็ว เซเรสมองตาขุ่นมัวของคู่หูของเธอก่อนจะเหยียดริมฝีปากเล็กน้อย
“เดวิด ต้องการอะไรจากเขากันแน่?..”
“นั่นฉันจะรู้ได้ยังไงล่ะซาวีน่า ฉันรู้เท่าที่นายรู้นั่นแหละ แต่ตอนนี้เราทำไงต่อดีล่ะ เสียเวลามาตั้งนานไม่รู้ว่าทำไมเดวิดคิดจะสังหารเราด้วยในเมื่อเราทำงานให้เขา”
“เธอรู้เรื่องนักวิทยาศาสตร์ที่หายตัวไปนั่นไหมเซเรส”
“มันข่าวตั้งหลายปีแล้ว อืม..ก็นะ มันมีข่าวแบบนี้แทบทุกปีนั่นแหละ แต่ใครจะสนใจล่ะ ข่าวเครื่องบินตกในแต่ละทีมีคนตายเป็นร้อยๆคน จะมีกลุ่มนักวิจัยติดร่างแหบ้างก็ไม่น่าจะแปลกพวกเขาต้องเดินทางโดยเครื่องบินอยู่แล้วนี่”
“แล้วหมอนั่นเอาอะไรมาพูด ในเมื่อเครื่องบินตกแต่ละครั้ง คนตายเป็นเบือ แต่นักวิจัยหายตัวไป...และเขาตามหาคนพวกนั้นเพื่ออะไร?..”
“ไม่รู้สิซาวีน่า แต่ตอนนี้ฉันหิวชะมัด!
“อีกแล้ว! เธอต้องกลายร่างเป็นยักษ์สักวันแน่ๆเซเรส ขืนกินตะกละแบบนี้ล่ะก็ ฉันเลี้ยงเธอไม่ไหวหรอกนะ แล้วนี่เราก็กำลังแย่ ไร้งานไร้เงิน ไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน ไหนจะยังไม่มีที่หมายเลยด้วยซ้ำ”
“ก็ถ้าฉันได้กิน บางทีฉันจะคิดอะไรออกได้บ้าง”
ซาวีน่าส่ายหน้าไปมาเขาเลื่อนกระเป๋าสตางค์ออกมานับเงินส่วนที่เหลือก่อนจะจำใจส่งให้เซเรสทั้งหมด
“อย่าไปไกลนักล่ะ ฉันจะรอแถวนี้นะ”
หญิงสาวฉวยกระเป๋าเงินของซาวีน่าได้ก็เดินลิ่วไปยังซุปเปอร์มาเก็ตใกล้ๆนั่น เป็นช่องขายของเล็กๆที่หยอดเงินลงไปสิ่งของที่ต้องการก็เลื่อนออกมาจากช่องกระจกใส ให้หยิบโดยง่ายดายเธอเลือกแซนด์วิชสองชิ้นสำหรับตัวเองและอีกสองชิ้นสำหรับซาวีน่าและซีล สไน้ส์
 เดินกลับมาที่เดิมอีกครั้งพร้อมกับเห็นซีล สไน้ส์ที่เพิ่งก้าวมาที่ซาวีน่าพร้อมกับอวดบางอย่างในมือ
“ฉันได้ตั๋วแล้วเราไปกันได้แล้ว”
ซาวีน่าพยักหน้ารับพลางหยิบแซนด์วิชที่เซเรสส่งให้กัดกินกลืนลงท้อง ดวงตาคู่คมค่อยรู้สึกดีขึ้นบ้างเล็กน้อย
“แน่ใจว่ามันใช้ได้นะลุง”
“อืม ก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่ แต่เราไม่มีทางเลือก จากคาชมาร์ไปโรมาเนีย..คิดว่าไงล่ะ เราไม่มีเงินเลยนะ ฉันไม่คิดว่าคนสามคนกับค่าตั๋วเดินทางมันจะเป็นเงินเท่าไหร่ล่ะไอ้หนู”
เขาจำใจยอมรับกับสภาพแบบนี้จนได้ เดินตามซีล สไน้ส์ไปยังรถไฟหัวจรวดที่เพิ่งได้ยินเสียงประกาศผ่านมาตามสายคลื่นสัญญาณนั่นก็อดจะยิ้มกริ่มไม่ได้
“ตู้ติดห้องเสบียงด้วย เจ๋งไปเลยลุง”
ซาวีน่าอุทานออกมาเบาๆเมื่อดูตั๋วในมือของตัวเอง
“วีไอพี ระดับ ไฮคลาส คงมีแต่พวกเศรษฐีเท่านั้นที่ใช้บริการระดับนี้”
“อืม หวังว่าคนอย่างแซมสันคงจะคาดไม่ถึงแน่”
“แน่นอนหมอนั่นนับวันมันจะอวบอ้วนมากขึ้นเรื่อยๆ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันผลิตอาหารเสริมมาเพื่ออะไรในเมื่อตัวเองยังไม่เคยลดน้ำหนักได้เลย”
ซีล สไน้ส์กระตุกยิ้มเล็กน้อย
“มันแค่สร้างภาพเท่านั้น ตัวจริงของมันมีใครเคยเห็นบ้างล่ะ” 
เซเรสหันมาสบตากับซาวีน่าโดยไม่ได้ตั้งใจ
“รีบไปเถอะลุง..กลิ่นไม่ค่อยดี”
ร่างหนาของซาวีน่าก้าวพรวดไปเดินนำอย่างรีบเร่งเขาเลื่อนฝีเท้าไปตามตู้นอนที่มีเลขรหัสไว้ในบัตรนั่นจนเจอ ร่างสูงๆของซาวีน่าแทบจะทิ้งกายลงบนเตียงทันทีที่ก้าวมาในที่ส่วนตัวแบบนี้ได้
“นายควรจะเปิดฮีตเตอร์ก่อนนะไอ้หนู”
“รู้แล้วน่าลุง..”
เซเรส อดจะยิ้มขำไม่ได้ แต่แซนด์วิชของเธอนั้นช่วยให้อาการหิวจัดหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ หญิงสาวทรุดนั่งลงกับเตียงพลางถอนหายใจเลื่อนรองเท้าออกมาดูสภาพของมันพลางบิดหน้ากับความสกปรก ไม่วายหันไปที่ห้องน้ำเล็กๆนั่นจัดการล้างทำความสะอาดมันเล็กน้อย จนแน่ใจว่ามันคงดูดีขึ้นบ้าง
“สี่ชั่วโมงกว่าจะถึงท่าเรือ เราจะไปต่อที่นั่น”
“เรามีเวลาสำหรับพักผ่อนถมเถ”
“มันก็ไม่แน่นัก เดวิดไม่ได้แค่ฉลาด มันมีคนทำงานให้แบบถวายหัวอีกด้วยนี่สิ..”
“นี่ลุงเอามาจากไหน?..”
“ไอแพด หาที่ไหนก็ได้ไอ้หนู แต่ข้อมูลขององค์กรแซมสันไม่ได้มีให้เข้าหาได้ง่ายๆนะ”
ซีล สไน้ส์ เลื่อนจอขยายเมื่อเข้าถึงข้อมูลลับ ที่ต้องกรอกพาสเวิร์ดหลายครั้งหลายครากว่าจะเข้าไปหาจนเจอสิ่งที่ต้องการ
“นี่ ลูเธอร์ ราล์ฟ มือซ้ายของเดวิด”
“ผมรู้จักดี มันหน้าตาน่าเกลียดจะตายไป ภาพนี้น่าจะถ่ายนานแล้ว..ตัวจริงของมันยิ่งกว่าปีศาจซะอีก ไม่พูดไม่จา ทำหูหนวกถามอะไรก็เงียบ”
 ซาวีน่ายื่นหน้ามาใกล้มองภาพที่ซีล สไน้ส์เลื่อนให้เขาดูนั่น
“ส่วนนี่ ลูซิเฟอร์ ราล์ฟ คู่แฝดของมัน น่าสนใจไหมว่าทำไมคู่แฝดถึงได้แตกต่างกัน เหมือนกับฟ้ากับเหว”
“ลูซิเฟอร์ มันขับรถตกเขามาครั้งหนึ่ง จากประวัตินะ เท่าที่รู้มันสูญเสียประสาทการรับรู้ ระดับหก ไม่รู้ว่าเดวิดใช้วิธีไหนรักษาจนมันหายดี ร่างกายถูกศัลยกรรมจนหน้าตาหล่อเหลากว่า ลูเธอร์ แต่ เรื่องฝีมือแล้ว ลูซิเฟอร์เหนือกว่าหลายเท่า”
เขาเล่าด้วยท่าทีไม่แปลกใจนักกับเรื่องที่รู้ข้อมูลดีอยู่แล้ว
“แล้วลุงอยากรู้อะไรอีกล่ะ ผมรู้จักคนของเดวิดแทบทุกคน จะบอกให้ก็ได้เดวิดแทบจะเลี้ยงพวกเรามา..ผมหมายถึงหลังจากที่ครอบครัวเราล่มสลายไป  พ่อแม่ผมกับพ่อแม่ของเซเรสตายด้วยอุบัติเหตุ เราเลยถูกเลี้ยงดูโดยมูลนิธิของเดวิด เรียนหนังสือจนจบแล้วก็ทำงานให้เขาแลกกับเงินในแต่ละสัญญา ปกติแล้วผมจะรับเงินค่าจ้างเป็นก้อนๆกับภารกิจ ซึ่งหลังๆมานี้เรามีภารกิจอย่างเดียวคือตามหาตัว ซีล สไน้ส์ให้เจอ”
ความเงียบเกิดขึ้นชั่วขณะ ซีล สไน้ส์ขยับตัวเล็กน้อย เขาเลื่อนสายตามาที่เซเรส
“นี่..อย่ามามองฉันแบบนี้เชียวนะ ฉันไม่ใช่แฟนเขา แค่คู่หูทางภารกิจเท่านั้น”
เซเรสเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีไม่สบอารมณ์นัก ร่างบางใต้เสื้อโค้ทตัวหนาล้มตัวลงนอนกับเบาะตรงกันข้ามกับเตียงนอนในตู้รถไฟระดับวีไอพีพลางหลับตาลงเพื่อพักผ่อนเอาแรง เธอคิดว่ามันเหนื่อยแทบตายกับการวิ่งหนีคนที่ตามล่านั่น
“เอาล่ะ เราคงต้องนอนพักผ่อนเอาแรงก่อน ไว้ถึงที่หมายค่อยคุยกันอีกที แต่ตอนนี้..ฉันจองเตียงนี้ไอ้หนู ฉันเป็นคนหาตั๋วนะ”
ซาวีน่าชักสีหน้าก่อนจะถอยตัวมานั่งอยู่กับเซเรสยอมให้เธอใช้พุงเขาเป็นหมอนอย่างจำใจ ซาวีน่าถอนหายใจเฮือกเมื่อต้องโอบร่างบางของเซเรสไว้บนอกแกร่งปล่อยให้หญิงสาวซบหน้าลงกับอกของเขา
ขณะที่ตัวเองนั้นทิ้งศีรษะลงกับขอบโซฟาหนาหลับตาลงช้าๆเขาคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อยเช่นกันสำหรับอากาศอันหนาวเหน็บของคืนนี้รถไฟหัวจรวดเริ่มออกเดินทางได้ไม่นานนักประตูก็ถูกเคาะเรียกเบาๆด้วยพนักงานตรวจตั๋ว 
ซีล สไน้ส์เป็นคนเดินไปให้คนแปลกหน้าที่เป็นหนุ่มรัสเซียตัวอวบอ้วนนั้นใช้อุปกรณ์ของเขาตรวจเช็คบัตรนั่น แค่สองนาที หนุ่มใหญ่ก็ก้าวกลับมาที่เตียงนอนล้มตัวลงนอนอีกครั้งปล่อยความเงียบให้ทำงานแข่งกับเสียงรถไฟที่พุ่งปะทะหิมะที่โปรยปรายไม่ขาดสายจากด้านนอกนั่น