อากาศด้านนอกนั้นกำลังเย็นจัด
เซเรส กระชับเสื้อโค้ทของตนเองด้วยความหนาว
เหลือบตามองรอบๆกายด้วยความกังวลเล็กๆที่ตกค้างอยู่ในใจนั่น
คนที่เดินกันขวักไขว่ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าแห่งคาร์ชมาร์ทำให้เธอกลมกลืนกับผู้คนที่นี่ได้ไม่ยาก
เธอแน่ใจว่าซาวีน่าเอาตัวรอดได้แน่
แต่จากฝีมือที่ก้าวหน้าของลูเธอร์แล้ว ก็อดจะห่วงซาวีน่าไม่ได้
ลูเธอร์
ราล์ฟพัฒนาฝีมือการต่อสู้ไปมากได้ขนาดนี้ได้อย่างไร ครั้งสุดท้ายที่เจอหน้าหมอนี่
เซเรสวัดระดับสกิล ของมันได้แค่หนึ่งในห้าส่วนของซาวีน่าเท่านั้น
แต่ยามนี้ซาวีน่าถึงกับดึงพลังไมดอร่ามาใช้ นี่ไม่ใช่เรื่องปกติ
เซเรสครุ่นคิดด้วยความกังวล ที่เรื่องการรับใช้เดวิด ชาง
แซมสันนั้นดูจะมีเรื่องลึกลับซับซ้อนกว่าที่คิด
สมองอันเต็มไปด้วยพลังงานอันล้ำลึกที่เหนือว่ามนุษย์บนโลกนี้มีอยู่นั่นทำให้เซเรสเริ่มวิตกกังวลอย่างจริงจังอีกครั้ง
เดวิด ชาง
แซมสันกำลังคิดทำอะไรอยู่กันแน่? วูบหนึ่งเซเรส
อดเป็นห่วงผู้คนบนโลกนี้ไม่ได้แม้ว่าเธอจะไม่ได้เป็นญาติหรือมีส่วนใดเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตบนโลกนี้เลยก็ตามที
เธอเกิดที่นี่มีสายเลือดมาจากไมดอร่า โดรม..ใช่ เธอแตกต่างจากผู้คนบนโลกนี้
แล้วไงล่ะ ในเมื่อเธอยังอยู่บนโลกนี้ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง ทำงานหาเงิน
เรียนหนังสือและ..คบหากับมนุษย์เป็นเพื่อนร่วมโลก
โลกกับโดรม
ห่างกันแค่เส้นบางๆเท่านั้น ซาวีน่าเคยบอกไว้อย่างนั้น
มันเป็นโลกอีกใบหนึ่งที่คู่ขนานกับโลกใบนี้ ที่เหล่านักอวกาศต่างก็รู้ดี
นักวิทยาศาสตร์ต่างก็สนใจสิ่งมีชีวิตพวกเขาค้นหาและวิจัยสิ่งแปลกประหลาดเหล่านั้น
แต่ชาวโดรมกลับเห็นว่าเป็นเรื่องไร้สาระ แน่ล่ะ
สิ่งที่มนุษย์มีนั้นชาวโดรมล้วนมีมากกว่าสิบเท่า เพียงแต่...
ความคิดชะงักลงเมื่อแขนของเซเรสถูกกระชากไว้
หญิงสาวหันขวับไปก่อนจะหายใจเบาๆ
“เจอซีล
สไน้ส์หรือยัง”ซาวีน่านั่นเอง เขาอยู่ในเสื้อโค้ทสีแดงสด
ไม่รู้ว่าไปหยิบของใครมาสวม ท่าทางเหมือนนักท่องเที่ยวที่กำลังหลงทางก็ไม่ปาน
หันรีหันขวางอยู่หลายคราก่อนจะดึงแขนเธอไปยังซอกเล็กๆด้านข้าง สายตาเหลือบมองรอบกายเป็นระยะ
“ยัง
แต่เขาอยู่แถวนี้แน่ ฉันรู้สึกอย่างนั้นนะ”
“ลูเธอร์ก้าวหน้าไปไกลมาก
มันเหมือนปีศาจกระหายเลือดไปแล้ว เซเรส
ฉันแน่ใจว่ามันโดนตัดแต่งยีนหรือไม่ก็อาจจะโดนสารบางอย่าง
เดวิดทำอะไรกับมัน?..เธอพอจะเดาออกไหม?”
คำถามนี้พร้อมกับดึงฮู้ดนั้นเลื่อนลงมาปกปิดศีรษะตัวเองผลักเซเรส
ติดกับผนัง ปรายหางตามองสมุนคนหนึ่งของลูเธอร์
ราล์ฟนั้นมันเดินผ่านมาทางนี้ถึงสองคน
“ฉันจะรู้ได้ยังไงซาวีน่า
นี่ ฉันว่าเราตามหาซีล สไน้ส์ก่อนดีไหม
เผื่อว่าเขาจะหาคำตอบให้เราได้”เซเรสกระซิบเสียงเบาก่อนจะหลุบหน้าลงต่ำอีกครั้งเมื่อเห็นคนของเดวิดกำลังเพ่งมองมาทางนี้
ซาวีน่าก้มหน้าต่ำจนแทบชิดหน้าของเธอ
“นี่..ขอแค่ออกจากตรงนี้ได้ก่อนเหอะน่า
เรื่องคำตอบคงหาไม่ยาก ให้ตายสิ..พวกมันจะไม่ยอมปล่อยเราจริงๆด้วย”
เซเรสนิ่วหน้าอย่างรำคาญ
ก่อนจะเลื่อนสายตาไปที่ร่างของใครคนหนึ่งในกลุ่มของคนของเดวิด ชาง แซมสัน
เธอพุ่งบางอย่างผ่านความว่างเปล่านั้นทำให้ร่างหนาของคนแปลกหน้านั้นโดนกระแทกปลิวไปไกลถึงสิบเมตร
ท่ามกลางสายตาของคนที่หันไปมองด้วยความสนใจ
ในความชุลมุนนั้นเซเรสถูกชายหนุ่มลากเดินเร็วผ่านไปยังช่องทางออกจากสถานีแห่งนี้ด้วยความเร็ว
“ตามหลังฉันมา
มันมีกล้องวงจรปิด...เซเรส เธอต้องทำลายมันซะ”
“แต่นี่มันของรัฐบาลนะซาวีน่า
เราไม่ได้รับอนุญาตให้ทำลายสิ่งของของ รัฐบาลประเทศนี้”
“โดยใครล่ะเซเรส
ฉันหมายถึงใครเป็นคนอนุญาต
เดวิดลอยแพเราแล้ว เขาไม่รับผิดชอบสิ่งที่เราทำทั้งหมด และ..เขากำลังให้
ปีศาจ ลูเธอร์ตามล่าเรา..ให้ตายสิ แม่คนโลกสวยเอ๊ย!!”
ชายหนุ่มสบถเบาๆ
นั่นทำให้เธอกัดปากอยู่หลายอึดใจก่อนจะยินยอมทำตามที่ซาวีน่าสั่ง
กล้องวงจรปิดในรัศมีใกล้ไกลถูกทำลายจนหมดสินแค่กระพริบตา
มันส่งเสียงแตกดังเปรี๊ยะหลายครั้งหลายคราจนทุกคนที่เดินๆอยู่นั้นหันไปมองหาต้นเสียง
“ขอบใจ...ฉันนึกว่าเธอจะยอมให้เราต้องตายซะอีกนะนั่น”
“ฉันแค่กังวลว่าเราจะล้ำเส้น
นี่เราอาศัยโลกอยู่นะซาวีน่า เราควรจะดูแลและรักษา...”
“หึ..โลกสวยไปเถอะเซเรส
เราจะอดตายอยู่แล้วแม่คุณ หนีให้พ้น
ลูเธอร์แล้วค่อยมาคุยเรื่องระบบนิเวศน์ของโลกนี้กับฉันใหม่ก็ยังไม่สาย”
ชายหนุ่มบ่นพลางดันหลังเธอให้เดินนำไป
เขานึกขัดใจสุดๆกับเซเรสที่เธอไม่เคยเข้าใจสถานการณ์เลยนี่สิแต่นี่ไม่มีทางให้ซาวีน่าเลือกอยู่ดี
เขาก้าวตามร่างของเซเรสไปด้วยความเร่งรีบ
“คิดว่าซีล สไน้ส์จะหาเราเจอไหมล่ะ”
“ฉันไม่รู้ซาวีน่า
แต่ที่อยากรู้ก็คือทำไม ลูเธอร์น่ากลัวขนาดนั้น ก่อนนี้ฉันว่ามันน่าทุเรศแล้วนะ
ดูเหมือนมันจะโดนเดวิดทำอะไรบางอย่างกับร่างกายนั่น
ท่าทางหมอนั่นแข็งแรงกว่าเดิมตั้งเยอะ อาจจะเพิ่มจากเดิมมากกว่าระดับสิบ..ไม่แน่ว่าสู้กับมันตัวต่อตัวนายอาจจะพลาด”
“เธอวัดมันได้ถึงระดับสิบ?..ไม่จริง!
เซเรส
นี่มันอาจจะฆ่าฉันได้แค่พลิกฝ่ามือเลยนะถ้าฉันไม่ใช้พลังไมดอร่าล่ะก็”
“อือ...มันไม่ได้โดนสารพิษแน่
อาจจะตัดแต่งยีนบางอย่างในตัวมัน หรือว่ามันประสบอุบัติเหตุเหมือนลูซิเฟอร์ราล์ฟ คราวก่อนเดวิดก็ทำแบบนี้กับคู่แฝดมัน
หนำซ้ำยังทำศัลยกรรมซะหล่อเฟี้ยว..แต่..ไม่เห็นมันมีท่าทีกระหายเลือดแบบนี้เลยนะซาวีน่า”
“เธอแน่ใจหรือเซเรสว่า
ลูเธอร์ ถูกตัดแต่งยีน..”
หญิงสาวเหลือบสายตามองรอบข้างก่อนจะหันมาพยักหน้ารับกับคำถาม
“ฉันเคยสงสัยเรื่องที่ลูซิเฟอร์ประสบอุบัติเหตุคราวนั้น
ซาวีน่า ลูซิเฟอร์เป็นคนระมัดระวังมากเลยนะเขาขับรถเก่งมาก แล้วคนขับรถเก่งระดับนั้นจะขับรถตกเขาได้ยังไง?..”
“มันเป็นอุบัติเหตุ..”
“เดวิดบอกอย่างนั้นแล้วนายก็เชื่อ?..”
สีหน้าของซาวีน่านั้นเต็มไปด้วยความครุ่นคิด
“ฉันเคยเชื่อทุกอย่างที่เดวิดบอกฉัน..เธอก็เหมือนกันเซเรส
นั่นเป็นเพราะเราไม่คิดว่าเดวิดจะทำกับเราแบบนี้ได้
เขาแทบจะเลี้ยงเรามาเลยนะเซเรส...หรืออาจจะมีเรื่องเข้าใจผิด...หรือว่า..”
“ถ้านายยังจะอยากเจอเดวิดล่ะก็..หาตัวซีล
สไน้ส์ให้เจอแล้วหาคำตอบจากนักวิจัยที่เขากำลังหาตัวอยู่นั่นบางทีเราอาจจะ..”ความคิดของเซเรสถูกดับลงอีกครั้งเมื่อข้อมือใหญ่ของซาวีน่าลากร่างเธอให้เดินเข้าไปแนบกับซอกตึกที่เพิ่งเดินผ่านนั่น
“เงียบน่า...”
หัวใจของซาวีน่าเต้นแรงเมื่อเหลือบตามองชายฉกรรจ์หลายคนก้าวผ่านพวกเขาไปด้วยท่าทีเหมือนกำลังตามหาใครสักคน
มันพกอาวุธติดตัวสีหน้านั้นล้วนแต่เป็นคนที่ซาวีน่าไม่เคยเจอมาก่อน
แต่แน่ใจได้ว่ามันเป็นคนไม่ดีแน่..
“เราต้องหาทางเบี่ยงเบนความสนใจของมันเซเรส”
“โอเค..ฉันจะจัดการเอง”
หญิงสาวกัดฟันใส่คนที่โน้มหน้าลงมาใกล้นั่นด้วยความอดทนสุดๆเซเรสรู้ดีว่าซาวีน่าหมายความว่าอย่างไร
เขาต้องการให้เธอใช้พลังพิเศษ
พลังไมดอร่าของเซเรสนั้นแตกต่างจากซาวีน่าอย่างสิ้นเชิง เธอสามารถผลักมวลอากาศให้กลายเป็นแท่งหินพุ่งใส่ใครก็ได้
หรือแม้แต่ปล่อยให้มันสร้างความปั่นป่วนกับวัตถุชิ้นใหญ่ๆได้อย่างง่ายดาย
มันเหมือนการที่มนุษย์สักคนทีพลังจิตสังหารนั่นเอง
แต่โดยทั่วไปแล้วเซรสไม่เคยใช้พลังพวกนี้โดยไร้เหตุผล
เว้นก็แต่ตกอยู่ในภาวะจำยอมอย่างตอนนี้
มวลอากาศเบื้องหน้าของเธอเริ่มรวมตัวกันช้าๆกลายเป็นหมอกควันหนาสีขาวขุ่น
นี่อาจจะเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่ปะปนไปด้วยเกล็ดหิมะจากด้านนอกนี่ก็ได้
เธอคิดพลางส่งพลังไปยังร่างคนสามคนที่กำลังตรงมาที่นี่ เธอยืนอยู่กับซาวีน่า
เขายืนหันหลังให้พวกมัน ชายหนุ่มอยู่ในเสื้อโค้ทสีแดงตัวหนายาวถึงเข่า สองแขนนั้นล้อมกรอบร่างของเธอไว้ราวกับเทพผู้พิทักษ์
เซเรสเลื่อนสายตาไปยังภาพที่อยู่เบื้องหน้าของเธอ
หญิงสาวมองผ่านใต้แขนเสื้อโค้ทสีแดงสดของซาวีน่าเห็นสามร่างหนาของชายแปลกหน้านั้นถูกพลังแห่งมวลอากาศกระแทกไปไกลถึงสิบเมตรท่ามกลางเสียงร้องตื่นตระหนกของใครต่อใครที่ร่วมใช้ถนนอยู่ขณะนี้
ตามด้วยเสียงโวยวายของใครอีกหลายคนที่ต่างก็พากันพุ่งไปดูคนแปลกหน้าด้วยความห่วงใย
ทว่า..พอทุกคนเห็นอาวุธของพวกมัน เท่านั้นเองหลายคนก็แตกฮือราวกับนัดกันไว้
ต่างพากันผละหนีอย่างรวดเร็ว
“เราปลอดภัย
ตำรวจกำลังมา ไปกันได้แล้วเซเรส”
“ฉันไม่เคยฆ่าคน
ซาวีน่า นายคิดว่าพวกเขาจะตายไหม?..”
“มันไม่ตายเราก็ไม่รอดนะเซเรส
เลิกคิดเรื่องนี้ซะ พวกมันไม่ใช่คนดี”
เขาบ่นด้วยความรำคาญไม่หาย
ลากแขนหญิงสาวให้เดินอย่างรีบเร่งอีกครั้งเป้าหมายคือ...ใช่..อาพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งในตารางแผนที่ของซีล
สไน้ส์ที่เคยผ่านสายตานั่น
“หวังว่าตาลุงนั่นจะยังไม่ไปไหนไกลนัก...”เขาอดจะพึมพำไม่ได้