พันธนาการรักร้าย

พันธนาการรักร้าย
Tayida Grand
www.mebmarket.com
“เขาพยายามจะปล้ำหนู..” เธอฟ้องป้าอัญชันทันทีที่ท่านรับสาย สองขานั้นเดินวนไปมาที่ระเบียงด้านนอก กวาดสายตามองความมืดที่มองลงไปนั้นเห็นแต่แสงไฟแวววาวจากต...

วันพฤหัสบดีที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2558

ANDO DROME

ซาวีน่าเอ่ยด้วยสีหน้าดุดันเล็กน้อยซึ่งอีกฝ่ายแค่ยกมุมปากนิดๆเท่านั้นสีหน้าไม่ได้แตกต่างจากก่อนนี้เลยสักนิดหนำซ้ำยังมองเขาอย่างขบขันและท้าทายอีกด้วย แต่นี่ไม่ได้ทำให้ซาวีน่าเดือดดาลอะไรนัก อย่างน้อยซาวีน่าแน่ใจว่าเขาจะได้คำตอบแน่ในไม่กี่นาทีข้างหน้านั่น
เสียเวลากับการอาบน้ำล้างตัวไปแค่ไม่กี่นาทีออกมาอีกทีก็เห็นเซเรสยกพาสต้ามาเพิ่มอีกแล้ว
“เธอกินมากเกินไปแล้วนะเซเรส”
“ฉันไม่เคยอ้วนและไม่เคยห่วงเรื่องนี้”
“ระวังจะหาแฟนไม่ได้”
“หึ..นายคงไม่คิดจะขู่ฉันใช่ไหมซาวีน่า”
“แน่ล่ะถ้าเธอหาแฟนไม่ได้ภาระเลี้ยงดูเธอตลอดชีพคงไม่พ้นฉันแน่”
เซเรสเบะปากใส่เขาพลางเหยียดสายตาใส่เขาจนซาวีน่าอดจะรำคาญไม่ได้ แต่ตอนนี้เขามีเรื่องต้องคิดมากกว่าใส่ใจเรื่องการออกเดตของเซเรสกับชายหนุ่มคนไหน
“นั่นอะไรลุง?”
“แผนที่ ที่ฉันเพิ่งสอยมาได้จาก ดิคาร์ปิโอนักพนันชาวสวีดิช เลือดผสม ฉันตามหามันมาตั้งสองเดือนกว่า จนมาถึงมอสโกนี่”
กล่องสี่เหลี่ยมขนาดเท่ากล่องใส่บุหรี่ถูกหยิบออกมาจากกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตตัวเก่านั่นด้านในกล่องมีเศษกระดาษที่ถูกพับไว้จนขนาดเล็กพอที่จะยัดมันในกล่องได้ ชายสูงวัยที่ซาวีน่าเรียกว่าC. William   นั้นหันมาสบตาเขาแวบหนึ่งก่อนจะกางแผ่นกระดาษนั่นออกบนโต๊ะกลางตรงหน้าโซฟาตัวเก่าที่นั่งอยู่กับเซเรส ยามนี้
“มันเป็นแผนที่อะไร?”
“หืม..นายไม่รู้?”
“นี่ถ้ารู้ผมจะถามทำไมลุง”เขาย้อนด้วยความรำคาญไม่น้อย
“นายทำงานให้เดวิด ชาง แซมสัน  แต่นายไม่รู้ว่าหมอนั่นมันทำอะไร? นี่นายกำลังจะบอกฉันอย่างนั้นใช่ไหม? “
สีนัยน์ตาอันเทาเข้มนั้นทอประกายขุ่นมัวขึ้นมาบ้าง สบตากับซาวีน่าอยู่เกือบอึดใจก่อนที่คนสูงวัยกว่าจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ปรายตาไปที่แม่สาวนักกินอีกครั้งก่อนจะยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นเธอไม่สนใจอะไรมากกว่าพาสต้านั่น
“เดวิด ชาง แซมสัน เป็นนักธุรกิจและเขาให้ผมตามหาคุณเพราะมีบางอย่างที่เขาต้องการอยากได้จากคุณและเขาจะจ่ายไม่อั้นสำหรับข้อมูลลับที่อยู่ในหัวคุณนั่นมิสเตอร์ซีล สไน้ส์”
“หึ..แลกกับการหายตัวไปของนักวิจัยทั่วโลกอย่างนั้นหรือไงเจ้าหนู?..คงคุ้มหรอกนะถามหน่อยเหอะ นายทำงานให้แซมสันมากี่ปีแล้ว”
“ตลอดชีวิตหลังจากที่รอดตายจากกองเพลิงมาได้”
“หุบปากเซเรส!
เซเรสเบะปากตัวเองอีกครั้งก่อนจะผุดลุกหนีจากที่นั่งตรงนี้เธอหายตัวเข้าไปในครัวอีกครั้ง ซาวีน่าพ่นลมออกจากปากเบาๆกับการตะคอกหญิงสาวไปนั่นเพราะไม่ได้อยากให้เรื่องในอดีตที่ต้องเก็บซ่อนไว้นั่น ต้องถูกสาวไส้อีกครั้ง เซเรสมักไว้ใจคนแปลกหน้าง่ายๆ เรื่องนี้เขาพยายามปรับปรุงแต่ก็ยากเต็มที เพราะความสามารถพิเศษที่เซเรส มีนั่น ทำให้เธอรับรู้ง่ายดายว่าใครเป็นมิตรหรือศัตรู
“นี่คือแผนผังล่าสุดที่ฉันตามหาตั้งสองเดือนกับตำแหน่งของนักวิจัยที่หายตัวไปในโรมาเนีย ที่จริงมันมีมากกว่านี้อีกนะ ด็อกเตอร์เวลสันที่เพิ่งได้รับรางวัลสาขาพืชศาสตร์เมื่อสองปีก่อนนี่ก็หายตัวไปในอียิปต์ระหว่างที่เขากำลังท่องเที่ยวกับภรรยาในช่วงหยุดพักผ่อน ภรรยาเขาเสียชีวิตในโรงแรมหรูในกรุงไคโร แต่ตัว เวลสันหายไปอย่างไร้ร่องรอยตำรวจที่นั่นทำงานหนักถึงสองปีเต็มๆแต่ไม่ได้อะไรเลย”
“แล้วมันเกี่ยวกับแซมสันตรงไหน?ลุง..แซมสันแค่นักธุรกิจนะ เขาบริจาคให้องค์กรการกุศลปีๆหนึ่งเป็นพันๆล้านลุงก็น่าจะได้อ่านข่าวบ้าง”
“มันแค่สร้างภาพไอ้หนู ฉันแน่ใจว่าแซมสันเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่..แค่หาทางปะติดปะต่อเรื่องยังโยงไปไม่ถึงหมอนั่นได้ แต่ก็นะ เอ็งรับเงินค่าจ้างจากหมอนั่นก็ต้องยินดีกับสิ่งที่หมอนั่นทำอยู่แล้ว”
ซาวีน่ากลอกตาไปมาเขาหยิบพาสต้าที่วางเหลืออยู่แค่ชิ้นเดียวนั่นกัดกลืนมันลงท้องอย่างขอไปที
“แล้วไอ้ข้อมูลที่แซมสันต้องการจากฉันนั่น ขอบอกไว้เลยไอ้หนู มันไม่มีทางได้จากฉัน เพราะอะไรรู้ไหม? เพราะฉันไม่รู้อะไรเลย..ที่รู้และแน่ใจมีอยู่อย่างเดียวเรื่องนี้มันพัวพันกับการตายของเพื่อนซี้ของฉัน และฉันค่อนข้างแน่ใจว่ามันอาจจะเกี่ยวกับการที่ภรรยาของฉันตายตอนคลอดลูกชายของฉันด้วย..ฉันคิดเรื่องนี้มาตลอดหลายปีมาแล้ว มันติดอยู่ในหัวจนฉันต้องคิดหาวิธีค้นหาคำตอบ “
ท้ายประโยคนั้นฟังดูเย็นชาแข็งกร้าวขึ้นมาทันที ซาวีน่าเลื่อนสายตาไปที่แผนผังอีกครั้งด้วยท่าทีกังวลอยู่ในใจไม่น้อย เขาอาจจะเสียเวลาเปล่ากับงานนี้ ถ้าไม่ได้อะไรกลับไปสักอย่างให้แซมสันล่ะก็ มีหวังว่าตาแก่นี่คงไม่จ่ายค่าจ้างงวดสุดท้ายให้เขาอีกแล้ว ดีไม่ดีหมอนั่นคงจะไล่เขาให้ออกมาหากินเอง
“ต้องรีบแล้วซาวีน่า!! เราต้องย้ายก้นจากที่นี่ด่วนที่สุด กองกำลังไม่ทราบฝ่ายกำลังพุ่งมานี่พร้อมอาวุธครบมือ”
เสียงเซเรสโผล่หน้ามาตะโกนใส่เขาด้วยท่าทีแตกตื่น
“ตำรวจมอสโกรึไง? เวรแล้ว...”
ซาวีน่าพุ่งตัวไปในครัวกวาดสายตามองจอมอนิเตอร์มองผู้มาใหม่ด้วยความตกใจ ชายฉกรรจ์ชุดดำที่พร้อมอยู่ในสภาพคล้ายกองกำลังสำหรับทำสงคราม
“ทำใจซะไอ้หนูนั่นเป็นคนของเดวิด คิดว่ามันจะปล่อยให้ฉันเดินหนีไปง่ายๆรึไง นายถูกสอดแนมเชื่อสิ”
“เป็นไปไม่ได้ลุง เดวิดจะสอดแนมเราทำไม?ในเมื่อผมทำงานให้เขา และตอนนี้ก็อาจจะแค่ส่งตัวลุงให้พวกมันก็น่าจะจบ..”
“แน่ใจรึ?..”
ซาวีน่าตอบไม่ได้เขาหันมาสบตากับเซเรสอีกครั้งแต่หญิงสาวอยู่ในสภาพเตรียมพร้อมกับการเดินทางแล้วอุปกรณ์หลายชิ้นถูกยัดลงเป้อย่างรวดเร็ว เสื้อแจ็คเก็ตหนาสวมอย่างรัดกุมรองเท้าบูทนั้น
โชคดีที่เธอยังไม่ได้ถอดหรือแม้แต่จะอาบน้ำด้วยซ้ำด้วยความหิวจัดนั่นทำให้เซเรสไม่สนใจเรื่องอื่นมากนัก ซาวีน่าก้าวเร็วมาที่ราวแขวนเสื้อผ้าของเขารีบสวมมันกลับเข้าลำตัวอย่างรวดเร็วที่สุด
“มีเวลาเหลือเท่าไหร่เซเรส”
“ห้านาทีเต็มที่..”
“ให้ตายสิ มันจ่อตูดเราขนาดนั้นเลยรึไง?”
เขาโวยวายอีกครั้งขณะที่ซีล สไน้ส์ยัดแผนที่กลับที่เดิมพลางดึงเสื้อแจ็คเก็ตมาสวมท่าทีสงบกว่าซาวีน่ามากนัก
“ออกด้านหลังคา”
เซเรสก้าวนำไปยังบันไดที่ไปยังดาดฟ้านั่นกระโจนตัวฝ่าละอองหิมะที่โปรยปรายมาไม่ขาดสายนั่น ซาวีน่าโยนเป้ของเขาตามหลังเธอไปติดๆ ซีล สไน้ส์ ผลักประตูปิดอย่างแผ่วเบาก่อนจะกระโดดตามไป
 สามคนโรยตัวลงไปยังช่องว่างระหว่างตึกสูงสองอาคารนั่นมันมีช่องว่างแค่เพียงไม่ถึงเมตรด้วยซ้ำ แต่เซเรสนั้นนำไปก่อนด้วยท่าทางชำนาญกับการไต่ตามผนังนั่น เธอสลับขาไปมากับการทิ้งน้ำหนักตัวทีละอย่างจนกระทั่งถึงพื้นในเวลาไม่นานนัก
เงยหน้ามองอีกสองคนที่เหลือที่ทิ้งตัวตามลงมานั่นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ ร่างหนาสองร่างกลับกระแทกตัวลงกับพื้นจนหน้าตาพวกเขาบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บและจุกกับการกระแทกนั่น
“มีสองคนที่ด้านข้าง..”
เซเรส กระซิบเสียงแผ่วเบา แต่ซาวีน่าก้าวพรวดไปยังเป้าหมายทันที เขาเสียเวลาแค่ไม่นานนักกับการทำให้คนแปลกหน้าหมดสติ กระแทกหมัดใส่หน้าคนแปลกหน้าอย่างแรงตามด้วยด้ามปืนที่เพิ่งยึดมาได้นั่นหันมาที่ซีล สไน้ส์ เขาไม่ได้ทำให้ผิดหวังนักตาลุงคนนี้ซัดหมอนั่นจนสลบเหมือดไม่ร้องออกมาสักคำ
“เดวิดต้องการจะฆ่าเราด้วยรึไงเซเรส..”
“ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันนะซาวีน่า เขาทำแบบนี้ทำไม?..”
“หึ..สิบกว่าปีมานี้พวกมันหาฉันไม่เจอ..แต่นายทำได้ มันอาจจะแปลว่ามันคงไม่อยากเสียเวลาที่จะปล่อยให้ฉันหายตัวไปอีกครั้งแน่”
คนแก่ที่เพิ่งเหนื่อยหอบกับการออกแรงนั่นหันหลังชิดกับกำแพงกวาดสายตาไปรอบๆก่อนจะหันมาตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจนัก เขาก้าวนำไปในทันทีหลังจากแน่ใจว่าปลอดจากสายตาของคนแปลกหน้าพวกนั้น พวกมันแบ่งกำลังคนไว้ข้างล่างนี่แค่สองคนเท่านั้นส่วนที่เหลือคงจะอยู่ข้างบนนั่นกับห้องรกๆที่ว่างเปล่าปราศจากเป้าหมาย
“เราจะไปไหนกัน?”
“ไปไหนงั้นหรือเซเรส เราหมดภารกิจแล้ว ถึงกับส่งคนสอดแนมฉันและคิดฆ่าฉันไม่ใช่เรื่องปกติ นี่เธอคงไม่คิดว่าตาแก่แซมสันนั่นจะยอมจ่ายเงินงวดที่เหลือให้เราหรอกนะ..”
เซเรสนิ่งงันไปเมื่อสบตากับอาการหัวเสียของคู่หู
“และฉันไม่ได้อยากทำงานในคลับนั่นจนแก่หรอกนะเซเรส “
“กลับไปที่แอสตัน คิงส์อีกไม่ได้แน่ เดวิดคงวางกำลังไว้ที่นั่น”
“ดีใจที่พวกเธอคิดออกซะที เอาล่ะ ฉันมีแผนบี...”
“หึ ผมเสียเวลาตั้งปีๆกว่าจะเจอตัวลุง แต่เดวิดทำแบบนี้มันไม่ใช่ ผมจะติดต่อเขา”
“เพื่อให้แซมสันรู้ว่านายอยู่ที่ไหนงั้นหรือไอ้หนู เห็นชัดๆว่าพวกมันให้คนตามดูนายทุกฝีเก้า ไม่ต้องโทรหามันก็หานายเจอเชื่อสิ”
“เขาทำเพื่ออะไรกันแน่? หวังว่าคงไม่คิดจะครอบครองโลกหรอกนะ”
เซเรสพึมพำออกมาเบาๆสีหน้านั้นเต็มไปด้วยความกังวลไม่น้อย
“มันก็ไม่แน่ ตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกกำลังถูกจับตามองจากคนลึกลับ พวกเขาหายตัวไปโดยไม่มีการติดต่อกลับคนทางบ้าน และที่แย่กว่านั้น สารบางตัวที่แซมสันผลิตมานั่นมันมีพิษและอำนาจบางอย่างที่อาจจะส่งผลร้ายกับใครก็ตามที่ได้รับมัน”
คำตอบโต้นี้มาจากซีล สไน้ส์ที่ก้าวนำไปยังถนนใหญ่เริ่มเปลี่ยนเป็นวิ่งเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากด้านบนของตกสูงนั่น เซเรสวิ่งตามไปติดๆ ไม่มีคำถามใดๆเล็ดรอดมาจากใครๆอีกนอกจากต้องหนีให้พ้นจากสายตาคนเหล่านั้นเสียก่อน หิมะขาวโพลนนั้นไม่ได้ช่วยให้การเดินทางราบรื่น กับสภาพอากาศที่เย็นจัดนั่น ซาวีน่าเร่งฝีเท้าเป็นฝ่ายนำทางเมื่อมาถึงบริเวณตึกสูงที่เก่าคร่ำคร่า
“เส้นนี้ลัดไปยังอุโมงค์ใต้ดินได้ โผล่ที่สถานีรถไฟ ว่าแต่เราจะไปไหนต่อ..”
“บัตรเครดิตใช้ไม่ได้แน่ เงินติดตัวก็มีแค่ไม่กี่รูเบิ้ล ฉันไม่แน่ใจว่าเราจะรอด”
เซเรสเอ่ยพลางหอบหายใจแรงด้วยความเหน็ดเหนื่อยเธอยกหลังมือปาดเหงื่อออกจากข้างแก้มสองสามครั้งก่อนจะยืดตัวตรง
“หาตั๋วไปแคชมาร์ก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที..พวกมันตามมาแล้ว เร็วสิไอ้หนู”
ซีล สไน้ส์เอ็ดเบาๆ พลางผลุบหายเข้าไปยังความมืดของซอกเล็กๆนั่น